รีเซต

กทม.เจอวิกฤต “ฝุ่นพุ่ง” ชวน “Work from Home” 4 ธ.ค.นี้

กทม.เจอวิกฤต “ฝุ่นพุ่ง” ชวน “Work from Home” 4 ธ.ค.นี้
TNN ช่อง16
3 ธันวาคม 2568 ( 09:00 )
9

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ หลังค่าความเข้มข้นเมื่อวานนี้อยู่ในระดับสีส้ม โดยระบุว่าช่วงเวลานี้ กทม. กำลังเปลี่ยนผ่านจากฤดูฝนเข้าสู่ “ฤดูฝุ่น” ซึ่งมักเกิดขึ้นระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ ส่งผลให้หลายพื้นที่ในภาคกลาง ทั้งนครปฐม สมุทรปราการ สมุทรสงคราม ฉะเชิงเทรา และปทุมธานี เผชิญค่าฝุ่น PM2.5 ในระดับสีส้มเช่นกัน


สำหรับการวัดค่าฝุ่นของกรุงเทพมหานครใช้อัตรา PM2.5 แบบไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร แบ่งเป็น 5 ระดับสี ได้แก่ สีฟ้า 0–15 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร สีเขียว 15.1–25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร สีเหลือง 25.1–37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร สีส้ม 37.6–75 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และสีแดงตั้งแต่ 75.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรขึ้นไป ซึ่งระดับสีส้มถือว่าเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ประชาชนควรสวมหน้ากากป้องกัน PM2.5 ลดการทำกิจกรรมกลางแจ้ง และสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก หรือแสบตา โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมนอกอาคาร และพบแพทย์ทันทีหากมีอาการผิดปกติ

ผู้ว่าฯ ชัชชาติอธิบายว่าค่าสีส้มในช่วงนี้เกิดจาก 3 ปัจจัยหลัก โดยปัจจัยแรกคือสภาพอากาศปิด มีมวลอากาศเย็นกดทับคล้ายฝาชีครอบกรุงเทพฯ ทำให้ฝุ่นลอยตัวได้ยากและสะสมในระดับพื้นดินเพิ่มขึ้น หากสภาพอากาศเปิด แม้ปริมาณฝุ่นจะเท่าเดิม แต่ความหนาแน่นจะลดลงได้ตามธรรมชาติ ปัจจัยที่สองคือการเผาไหม้จากเครื่องยนต์ ซึ่งปริมาณรถยนต์จำนวนมากในกรุงเทพฯ เป็นแหล่งกำเนิดมลพิษสำคัญ และปัจจัยสุดท้ายคือการเผาชีวมวล โดยเฉพาะจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งล่าสุดตรวจพบจุดความร้อนสูงถึงประมาณ 790 จุด และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในเดือนถัดไป


ด้านการพยากรณ์คุณภาพอากาศ 10 วันข้างหน้า กรมอุตุนิยมวิทยาประเมินจาก “อัตราการถ่ายเทอากาศ” ซึ่งยิ่งมีค่าสูงแสดงว่าการระบายอากาศดีขึ้น โดยพบว่าสภาพอากาศในกรุงเทพฯ วันนี้เริ่มดีขึ้นและมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง ก่อนจะกลับมาแย่อีกช่วงวันที่ 5–7 ธันวาคม 2568 ซึ่งถือเป็นช่วงที่อัตราการถ่ายเทอากาศต่ำที่สุด ประมาณ 600 ตารางเมตรต่อวินาที และจะเริ่มดีขึ้นอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคมเป็นต้นไป

ในช่วงวันที่ 5–7 ธันวาคม ซึ่งคาดว่าจะเป็น “3 วันที่ฝุ่นอากาศถ่ายเทได้น้อยที่สุด” กทม. เตรียมใช้มาตรการ “ฝ่าฝุ่น 3 วัน” เพื่อบรรเทาปัญหา โดยจะขอความร่วมมือหน่วยงานให้พนักงาน “Work from Home” ในวันที่ 4 ธันวาคม ส่วนโรงเรียนยังคงเปิดเรียนตามปกติ เนื่องจากเชื่อว่าการดูแลในโรงเรียนปลอดภัยกว่า หากปิดเรียนเด็กอาจต้องออกไปอยู่ในพื้นที่กลางแจ้งมากขึ้น เกณฑ์ประกาศ Work from Home อยู่ที่ค่าฝุ่นระดับสีส้มครบทั้ง 50 เขตต่อเนื่อง 2 วัน และมีจำนวนจุดความร้อนเพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้ตัวชี้วัดดังกล่าวอยู่ในระดับที่เข้าเกณฑ์แล้ว ปัจจุบันมีผู้เข้าร่วมมาตรการแล้วกว่า 170,000 คน ตั้งเป้า 300,000 คน จากหน่วยงานที่เข้าร่วม 346 แห่ง โดยจะประกาศขอความร่วมมืออย่างเป็นทางการในวันที่ 4 ธันวาคม เพื่อลดปริมาณรถยนต์ ลดการปล่อยไอเสีย และชะลอการสะสมของฝุ่นในช่วงปลายสัปดาห์ที่สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย


นอกจากนี้ กรุงเทพมหานครยังเดินหน้ามาตรการระยะยาวกว่า 10 แนวทางเพื่อคุมเข้ม ลด และขจัดปัญหาฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่เมืองหลวง อาทิ การขยายเขตมลพิษต่ำให้ครอบคลุม 50 เขต การเชิญชวนผู้ประกอบการรถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไปนำรถเข้าบำรุงรักษา ซึ่งขณะนี้มีรถเข้าสู่ระบบ “บัญชีสีเขียว” แล้วกว่า 13,000 คัน รวมถึงโครงการ Green List Plus ที่ส่งเสริมให้ผู้ใช้รถยนต์ 4 ล้อขึ้นไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรอง ตั้งเป้าครอบคลุม 500,000 คัน การลดค่าควันดำสูงสุดเหลือร้อยละ 20 การตรวจเข้มรถบรรทุกและเครื่องจักรในไซต์ก่อสร้าง การควบคุมมลพิษจากโรงงานและกิจการที่มีหม้อไอน้ำทุกราย การประสานจังหวัดรอบกรุงเทพฯ เพื่อลดการเผาในที่โล่ง และการจัดตั้งห้องปลอดฝุ่นให้ครอบคลุมโรงเรียนและศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในสังกัด กทม.


กรุงเทพมหานครยังตั้งเป้าขยายมาตรการ Work from Home ให้ถึง 300,000 คน พร้อมเดินหน้ารณรงค์ให้ประชาชนร่วมดูแลรถยนต์ของตนเอง ลดใช้รถดีเซลเก่า หันมาใช้ขนส่งสาธารณะ และงดการเผาในที่โล่ง ขณะเดียวกันยังมุ่งเพิ่มพื้นที่สีเขียวทั่วเมือง ตั้งเป้าปลูกต้นไม้ 3 ล้านต้น และพัฒนา “สวน 15 นาที” ให้ครบ 500 แห่ง เพื่อช่วยฟื้นฟูคุณภาพอากาศและสร้างพื้นที่พักผ่อนให้ประชาชนในระยะยาว.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง