รีเซต

โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ญี่ปุ่นใหญ่ที่สุดในโลก เตรียมกลับมา “เปิด” ทำการอีกครั้ง

โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ญี่ปุ่นใหญ่ที่สุดในโลก เตรียมกลับมา “เปิด” ทำการอีกครั้ง
TNN ช่อง16
29 เมษายน 2567 ( 16:37 )
131

โรงไฟฟ้านิวเคลียร์คาชิวาซากิ-คาริวะ กำลังจะกลับมา “เปิดใช้งานอีกครั้ง” หลังถูกสั่งปิดไปเมื่อปี 2011 จากเหตุการณ์ภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟูกุชิมะ ส่งผลให้ทางรัฐบาลญี่ปุ่นในขณะนั้น สั่งปิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั้งหมด ต่อมาในปี 2021 หน่วยงานกำกับนิวเคลียร์ของญี่ปุ่น ได้สั่งแบนการดำเนินงานของที่นี่ต่อ หลังพบว่ามีการละเมิดกฎความปลอดภัยหลายอย่าง ทั้งเรื่องมาตรการปกป้องวัสดุนิวเคลียร์ รวมไปถึงปัญหาด้านความปลอดภัย ที่ทำให้พนักงานที่ไม่ได้รับอนุญาต เข้าถึงพื้นที่เปราะบางของโรงไฟฟ้าได้


โรงไฟฟ้านิวเคลียร์คาชิวาซากิ-คาริวะ มีกำลังผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ 8.2 กิกะวัตต์ ได้ชื่อว่าเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ในจังหวัดนีงาตะ, ประเทศญี่ปุ่น กินพื้นที่ประมาณ 2,530 ไร่ เปิดดำเนินการครั้งแรกในปี 1985 ติดตั้งเครื่องปฏิกรณ์ทั้งหมด 7 เครื่อง โดย 5 เครื่องมีกำลังผลิตไฟอยู่ที่ 1.1 กิกะวัตต์ต่อเครื่อง อีก 2 เครื่องจะสามารถผลิตไฟได้ตกเครื่องละ 1,365 เมกะวัตต์


ล่าสุดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้ได้ “ไฟเขียว” จากหน่วยงานควบคุมนิวเคลียร์ของญี่ปุ่น ให้กลับมาเปิดได้อีกครั้งแล้ว โดยทางบริษัท Tokyo Electric Power Company (TEPCO) ได้ทำการบรรจุแท่งเชื้อเพลิงเข้าไปในเครื่องปฏิกรณ์หมายเลข 7 ในวัน 15 เมษายนที่ผ่านมา


โดยทาง TEPCO มีแผนที่จะนำชิ้นส่วนเชื้อเพลิงอีก 872 ชิ้นใส่เข้าไปในเครื่องปฏิกรณ์ โดยกระบวนการนี้ จำเป็นต้องใช้เวลาอีกประมาณเดือนครึ่งจึงจะเสร็จสมบูรณ์ โดยทุกขั้นตอนจะมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด


ทาง TEPCO ยังได้เพิ่มพนักงานกะกลางคืนจาก 8 คน ไปเป็น 51 คน เพื่อจัดการทุกขั้นตอนที่เกี่ยวกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้ให้ดีที่สุด


การกลับมาเปิดอีกครั้งของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์คาชิวาซากิ-คาริวะ เป็นส่วนหนึ่งของแผน ที่ทางญี่ปุ่นต้องการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศ อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งที่จะเข้ามาช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน และจะทำให้ญี่ปุ่นสามารถผลิตไฟฟ้าใช้เองได้ แม้จะมีทรัพยากรจำกัดก็ตาม


ปัจจุบันญี่ปุ่นมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ปิดตัวถาวร 50 แห่ง เปิดใช้งานทั้งหมด 9 แห่ง และคาชิวาซากิ-คาริวะ กำลังกลายเป็นแห่งที่ 10 ของญี่ปุ่นในเร็ว ๆ นี้ 


แหล่งที่มา japantimes.co.jp

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง