APUREออเดอร์ไหลเข้าพอร์ต ปักหมุดปี68เทิร์นอะราวด์

#APURE #ทันหุ้น– APURE ปี 2568 จ่อ Turnaround หลังคำสั่งซื้อทั้งข้าวโพดหวานพร้อมทานบรรจุกระป๋อง และข้าวโพดสดแช่แข็งเริ่มเร่งตัวอย่างมีนัยสำคัญ เดินหน้าวางแผนบริหารจัดการตั้งแต่พื้นที่เพาะปลูก - กระบวนการจัดส่ง ยอมรับปี 2567 ยอดขายพลาดเป้า แต่ยังคงรักษาศักยภาพอัตรากำไรขั้นต้นให้เติบโตได้

นายสุเรศพล  จึงรุ่งเรืองกิจ  ประธานกรรมการ บริษัท อกริเพียว โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ APURE เปิดเผยแนวโน้มรายได้รวมทั้งปี 2567 คาดว่าจะอ่อนตัวลงเมื่อเทียบปี 2566 (YoY) ซึ่งสูงถึง 3,000 ล้านบาท เนื่องจากช่วงครึ่งแรกของปี 2567 มีสถานการณ์ทะเลแดงส่งผลให้เรือขนส่งทางทะเลต้องปรับเส้นทางการขนส่ง ค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์ปรับตัวขึ้น ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจทางทวีปยุโรป – สหรัฐอเมริกายังคงฟื้นตัวไม่เต็มที่ คู่ค้าจึงเริ่มจัดหาข้าวโพดหวานบรรจุกระป๋องจากแหล่งอื่น อาทิ เม็กซิโก อาร์เจนตินาเป็นการทดแทน

“ณ ปัจจุบัน ยอมรับว่าเฉพาะรายได้จากการขายปีนี้มีแนวโน้มอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เพราะมีปัจจัยกดดันมาตั้งแต่ต้นปี โดยเฉพาะการจัดส่งสินค้าทำให้คู่ค้าต้องหาแหล่งสินค้าใหม่ ซึ่งแม้ว่าคุณภาพจะไม่เท่า แต่ด้วยราคาและความสะดวกในการจัดส่ง ทำให้บริษัทเสียคู่ค้าในระยะสั้น ประกอบกับปี 2566 ที่ผ่านมายอดขายก็ทำสถิติสูงสุดใหม่ด้วย”

ปีหน้าฟื้นแกร่ง

ขณะเดียวกัน บริษัทอยู่ระหว่างวางแผนเพิ่มผลผลิตข้าวโพดในปี 2568 ให้เพียงพอต่อความต้องการทั้งข้าวโพดหวานพร้อมทาน และข้าวโพดแช่แข็งซึ่งเริ่มได้รับคำสั่งซื้อกลับเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จึงมั่นใจว่าผลการดำเนินงานทั้งปี 2568 มีแนวโน้มจะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยจะดำเนินการควบคู่ทั้งการทำงานร่วมกับเกษตรกรเพื่อเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้ได้ราว 2.3-2.5 ตันต่อไร่ และขยายพื้นที่ เพาะปลูก

"ธุรกิจของบริษัท วัตถุดิบเป็นปัจจัยสำคัญ การวางแผนเพิ่ม-ขยายกำลังการผลิตข้าวโพดหวานในแต่ละปี เพื่อรองรับกำลังการผลิต และคำสั่งซื้อของปีถัดไป ดังนั้นเพื่อให้ยอดขาย-รายได้เติบโตอย่างแข็งแกร่งทั้งข้าวโพดหวานพร้อมทาน และข้าวโพดแช่แข็งก็ต้องวางแผนเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกต่อเนื่อง"

ทั้งนี้ เมื่อบริษัทสามารถบริหารจัดการ ช่องทางการส่งสินค้าทางทะเลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับสต็อกสินค้าข้าวโพดหวานบรรจุกระป๋องในสต๊อกของคู่ค้าทยอยหมดลง คู่ค้าจึงเริ่มติดต่อกลับเข้ามาเจรจา เตรียมสั่งซื้อข้าวโพดหวานบรรจุกระป๋องกับบริษัทในปี 2568

“ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/2567 บริษัทเริ่มได้รับคำสั่งซื้อจากคู่ค้า โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการซูเปอร์มาร์เก็ต, ไฮเปอร์มาร์เก็ตทั้งในยุโรป และสหรัฐอเมริกา และเริ่มมีคำสั่งซื้อจากคู่ค้าสำหรับปี 2568 เพิ่มมากขึ้น บริษัทจึงเริ่มวางแผนเตรียมการผลิตตั้งแต่จัดหาวัตถุดิบ - บรรจุกระป๋อง - กระบวนการจัดส่ง ฯลฯ ให้เพียงพอต่อความต้องการที่เริ่มกลับมา”

รับอานิสงส์เงินบาท

อย่างไรก็ตาม ยังคงมั่นใจว่า บริษัทจะสามารถรักษาศักยภาพการทำกำไรให้อยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ เนื่องจากช่วง 8 เดือนแรกของปี 2567 อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทไทยเคลื่อนไหวอ่อนค่าเมื่อเทียบค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ประกอบกับบริษัทสามารถบริหารจัดการสต็อกสินค้าข้าวโพดหวานบรรจุกระป๋องได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมกันนี้ บริษัทยังสามารถจำหน่ายข้าวโพดแช่แข็ง ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) สูงได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“ช่วง 7-8 เดือนแรกของปี 2567 ค่าเงินบาทเฉลี่ยที่ราว 36-37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนศักยภาพทำกำไรของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่ายอดขายข้าวโพดหวานบรรจุกระป๋องจะไม่ได้ตามเป้าก็ตาม ขณะที่ยอดขายข้าวโพดสดแช่แข็งก็เริ่มเร่งตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง เมื่อโรงงาน และเครื่องจักรเสร็จสิ้นจึงมั่นใจว่า GPM จะยังคงเป็นที่น่าพอใจ”

โชว์คู่ค้าหนุนฐานโต

พร้อมกันนี้ บริษัทได้จัดทีมวิจัย – พัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ข้าวโพดสดแช่แข็งร่วมกับคู่ค้า เพื่อผลิตข้าวโพดสดแช่แข็งให้ตรงกับความต้องการใช้งานของคู่ค้า ส่งผลให้บริษัทได้รับคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ข้าวโพดสดแช่แข็งสำหรับปี 2568 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

“ประเทศคู่ค้าหลักของผลิตภัณฑ์ข้าวโพดสดแช่แข็งอยู่ในภูมิภาคเอเชีย อาทิ ญี่ปุ่น, ไต้หวัน, เกาหลี รวมถึงกลุ่มประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยเฉพาะอิหร่าน, ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งกว่า 90% นำไปเป็นวัตถุดิบประกอบอาหาร ซึ่งในแต่ละประเทศก็มีความต้องการเนื้อสัมผัส รสชาติที่แตกต่างกัน จึงต้องมีทีมงานที่ทำงานใกล้ชิดกับคู่ค้า พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ได้ตรงตามความต้องการของคู่ค้า เพื่อให้สามารถทำอาหารให้ได้ตามความต้องการ”