เกรงข้อมูลรั่วจากเมแกน เผยเจ้าชายวิลเลียม-เคตไม่คุยกับเจ้าชายแฮร์รีอีก
เกรงข้อมูลรั่วจากเมแกน - เดลีเมล์ รายงานอ้างแหล่งข่าวนักประวัติศาสตร์ราขวงศ์ ว่า นับจากเสร็จสิ้นพิธีพระศพเจ้าชายฟิลิป พระราชสวามีของสมเด็จพระราชินีนาถ อลิซาเบธที่ 2 ที่พระราชวังวินด์เซอร์ เมื่อเดือน เม.ย. แล้ว เจ้าชายวิลเลียมและเคต พระชายา ไม่ได้ทรงสนทนากับเจ้าชายแฮร์รีอีก เนื่องจากทรงเกรงว่าข้อมูลรายละเอียดการสนทนาจะรั่วไหลออกสื่ออีก
ภาพที่เจ้าชายสองพี่น้องเสด็จออกจากพิธีพระศพ เจ้าชายแฮร์รีทรงพูดกับดัชเชสเคตก่อน แล้วจึงตรัสทักทายกับเจ้าชายวิลเลียมนั้น ทำให้ผู้คนมองว่า ความสัมพันธ์จะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น
จากนั้นมีรายงานว่า สองพี่น้องทรงสนทนากับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ พระบิดา เป็นเวลา 2 ชั่วโมงเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ลง หลังจาก เจ้าชายแฮร์รีและเมแกน ให้สัมภาษณ์แก่ โอพราห์ วินฟรีย์ พิธีกรคนดังของสหรัฐ ออกสื่ออเมริกาเป็นเรื่องสั่นสะเทือนราชวงศ์
โรเบิร์ต เลซีย์ นักประวัติศาสตร์ด้านราชวงศ์ ผู้เขียนหนังสือ Battle of the Brothers หรือ “ศึกพี่น้อง” เขียนไว้ว่า ดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ไม่ได้ทรงสนทนากับเจ้าชายแฮร์รีเพราะเกรงว่าข้อมูลจะรั่วและเข้าหูดัชเชสเมแกนแล้วอาจจะหลุดไปถึงวินฟรีย์ หรือคนอื่นๆ ที่แวดล้อม
เกล คิง พิธีกรและเพื่อนของเมแกน ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสว่าการสนทนาระหว่างเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าชายแฮร์รีไม่เกิดผลสร้างสรรค์ แต่ก็ยังดีที่เริ่มพูดคุยกัน
คิง อายุ 66 ปี ยังเป็นเพื่อนสนิทของวินฟรีย์ด้วย กล่าวว่าเจ้าชายแฮร์รีและเมแกนทรงถูกราชวงศ์แทรกแซงและขอให้สื่อหยุดเสนอข่าวที่ไม่เป็นธรรม ไม่ถูกต้องและเรื่องลวงว่าเหยียดเชื้อชาติ พร้อมทั้งอ้างว่า เมแกนมีเอกสารยืนยันทุกเรื่องที่ให้สัมภาษณ์กับวินฟรีย์
หนังสือ Battle of the Brothers ของเลซีย์เขียนว่า โอรสอาร์ชี ลูกชายคนโตของเจ้าชายแฮร์รีและเมแกน ได้รับอนุญาตให้เลือกว่าจะได้เป็นเจ้าชายหรือไม่ เมื่ออายุ 18 ปี แต่ล่าสุดเดลีเมล์ รายงานว่าเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงตัดสินพระทัย ว่าเมื่อพระองค์ขึ้นครองราชย์ จะไม่ให้อาร์ชี เป็นเจ้าชาย
แต่แหล่งข่าวอีกสาย เผยกับเดอะ ไทมส์ ว่าเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ไม่มีพระราชอำนาจที่จะยับยั้งอาร์ชีไม่ให้ดำรงพระยศเจ้าชายโดยอัตโนมัติได้ เพราะเมื่อเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ ดอาร์ชีจะเป็นพระนัดดา หรือ หลานของกษัตริย์ ในทันที ยกเว้น กรณีที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงเปลี่ยนกฎมณเฑียรบาลในยุคสมัยของพระองค์