กรุงเทพฯ เทียบปารีส? ถอดบทเรียนเมืองเย็น–ราง–ต้นไม้–เทคโนโลยี

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ นำทีมผู้บริหาร กทม. ศึกษาแนวทางพัฒนาเมืองเย็นจากกรุงปารีส ดูงานระบบราง โครงสร้างสีเขียว และนวัตกรรมพลังงานสะอาดจากฝรั่งเศส หวังปฏิวัติอนาคตกรุงเทพฯ
กรุงเทพฯ จะไปถึงตรงนั้นได้ไหม? เมื่อปารีสสร้างเมืองเย็นด้วยราง–ต้นไม้–เทคโนโลยี และเรายังติดอยู่กับฝุ่น ควัน รถติด
ในวันที่กรุงเทพมหานครยังคงเผชิญกับมลพิษทางอากาศ การจราจรติดขัด และอุณหภูมิที่พุ่งสูงขึ้น ผู้บริหาร กทม. นำโดยผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้เดินทางไปร่วมศึกษาดูงานที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อลงพื้นที่ดูต้นแบบเมืองที่เดินหน้าเปลี่ยนโครงสร้างชีวิตของประชาชนด้วยระบบราง พื้นที่สีเขียว และนวัตกรรมพลังงานสะอาด
ปารีสวางแผนใหม่ทั้งเมือง จากขนส่งสู่ระบบนิเวศแห่งอนาคต
เมื่อวันที่ 23–25 เมษายน 2568 ผู้ว่าฯ ชัชชาติ พร้อมคณะผู้บริหาร กทม. ได้เข้าร่วมการประชุมความร่วมมือกับสำนักงานเพื่อการพัฒนาแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส (AFD) ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมและสนับสนุนค่าใช้จ่ายทั้งหมด จุดประสงค์หลักคือการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการวางผังเมือง การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
หนึ่งในหัวใจของการเยือน คือการเข้าชมโครงการ Grand Paris Express โดยมีการหารือกับ Société des Grands Projets (SGP) และ La Fabrique du Métro ซึ่งเป็นองค์กรหลักที่ดูแลการออกแบบและพัฒนาระบบรางแห่งอนาคต โครงการรถไฟใต้ดินวงแหวนนี้ถือเป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป ไม่เพียงแค่เชื่อมเมืองด้วยรางเท่านั้น แต่ยังรวมถึงแนวคิดเมืองที่ยั่งยืน ครอบคลุม และลดการปล่อยคาร์บอน
โดยเฉพาะสถานี Saint-Denis Pleyel ซึ่งจะเป็นจุดเชื่อมต่อรถไฟ 4 สายหลัก ได้แก่ สาย 14, 15, 16 และ 17 รองรับผู้โดยสารกว่า 250,000 คนต่อวัน และเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ–วัฒนธรรมใหม่ของย่านทางเหนือของกรุงปารีส
เมื่อ “ต้นไม้” กลายเป็นโครงสร้างเมือง
ผู้บริหาร กทม. ยังได้หารือกับ Mr. Pierre Rabadan รองนายกเทศมนตรีกรุงปารีส และทีมงานจาก Atelier Parisien d’Urbanisme (APUR) ซึ่งเป็นสถาบันวางผังเมืองของปารีส ได้นำเสนอแผน Plan Canopée หรือแผนการเพิ่ม “หลังคาเขียว” โดยตั้งเป้าเพิ่มพื้นที่ร่มไม้อย่างน้อย 30 เฮกตาร์ภายในปี 2030 ผ่านการเปลี่ยนหลังคาอาคาร ถนน โรงเรียน และลานสาธารณะ ให้กลายเป็นพื้นที่สีเขียวที่มีชีวิต
นอกจากนี้ คณะฯ ยังได้เดินสำรวจ ถนนสีเขียว (rues végétalisées) ซึ่งเป็นต้นแบบของถนนเมืองยุคใหม่ ที่ปลูกต้นไม้ตลอดแนวถนน จัดสรรทางเท้า และแปลงดอกไม้ เพื่อลดความร้อนสะสมในพื้นที่ และส่งเสริมคุณภาพชีวิตของคนเมืองอย่างยั่งยืน
พลังงานเย็นเพื่อเมืองร้อน Réseau de froid
อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญของ “เมืองเย็น” แห่งปารีส คือระบบทำความเย็นรวมศูนย์ Réseau de froid ซึ่งบริหารจัดการโดย Paris Urban Cooling Operator และดำเนินการผ่านเครือข่าย Fraîcheur de Paris ที่ใช้พลังงานจากแม่น้ำแซนเพื่อทำความเย็น ผ่านระบบแลกเปลี่ยนพลังงานและท่อใต้ดินไปยังอาคารสำคัญทั่วเมือง เช่น พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ โรงพยาบาล สำนักงาน และห้างสรรพสินค้า
คณะผู้บริหาร กทม. ได้เข้าชม ศูนย์ควบคุมหลักของระบบทำความเย็น ซึ่งแสดงข้อมูลแบบเรียลไทม์ของอุณหภูมิ การใช้พลังงาน และการควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อมทั่วทั้งเมือง
กรุงเทพฯ พร้อมหรือยัง?
การเดินทางไปปารีสในครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงการศึกษาดูงานต่างประเทศ แต่คือการเปิดมุมมองใหม่ให้กับกรุงเทพมหานคร ว่าการสร้างเมืองเย็นสามารถทำได้จริง ผ่านการวางระบบที่คิดรอบด้าน ทั้งขนส่ง สีเขียว และพลังงาน
ขณะที่ปารีสกำลังเดินหน้าไปสู่เมืองที่เย็นลงทั้งกายและใจ กรุงเทพฯ ยังคงเผชิญกับฝุ่น PM2.5 การจราจรแออัด และพื้นที่สีเขียวที่กระจายตัวอย่างไม่ทั่วถึง
คำถามสำคัญคือ กรุงเทพฯ จะเปลี่ยนวิธีคิดจากการ “แก้ปัญหาเฉพาะหน้า” ไปสู่การ “ออกแบบอนาคต” ได้จริงหรือไม่?
หากคำตอบคือ “ใช่” — การเยือนปารีสในครั้งนี้อาจไม่ใช่แค่ทริปประชุม แต่คือจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติโครงสร้างมหานครไทย เพื่ออนาคตที่เย็นกว่า ยั่งยืนกว่า และน่าอยู่กว่าเดิม.