จับตาฝุ่น PM2.5 กรุงเทพฯ พุ่ง 50.6 เกินมาตรฐาน เทียบสถิติ 4 ปีหลัง

สถานการณ์กรุงเทพฯ เช้า 2 ธันวาคม 2568
กรุงเทพมหานครเริ่มต้นวันด้วยคุณภาพอากาศที่อยู่ในโซนเสี่ยงเมื่อเวลา 07.00 น. ค่าเฉลี่ย PM2.5 ของทั้งเมืองอยู่ที่ 50.6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร สูงกว่าค่ามาตรฐาน 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรอย่างมีนัยสำคัญ ทุกเขตเข้าสู่ระดับสีส้มซึ่งเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเขตสาทรมีค่าฝุ่นสูงสุด 65.8 รองลงมาคือบางรักและลาดกระบัง แม้พื้นที่ที่ค่าต่ำที่สุดก็ยังเกินเกณฑ์ สะท้อนว่ากรุงเทพฯ ไม่มีเขตปลอดฝุ่นในเช้าวันเดียวกัน
เมื่อจัดกลุ่มตามโซนบริหาร กรุงเทพใต้เป็นโซนที่ค่าฝุ่นกระจุกตัวมากที่สุด ส่วนโซนอื่นตั้งแต่กรุงเทพตะวันออก กรุงเทพเหนือ ไปจนถึงกรุงธนบุรีมีแนวโน้มคล้ายกันคือค่าฝุ่นสูงเหนือเกณฑ์ทุกพื้นที่ ภาพรวมทั้งหมดชี้ว่าการระบายอากาศในเมืองอยู่ในสภาพอ่อน ทำให้ฝุ่นสะสมตัวหนาแน่นใกล้พื้นดิน
27 จังหวัดทั่วประเทศคุณภาพอากาศแย่
ข้อมูลระดับประเทศพบว่า ณ วันที่ 1 ธันวาคม 2568 มี 27 จังหวัดที่ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน ตั้งแต่กรุงเทพฯ ปริมณฑล ไปจนถึงภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และบางส่วนของภาคอีสาน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นภูมิภาคที่มีจำนวนพื้นที่เกินเกณฑ์มากที่สุด ขณะที่ภาคใต้มีพื้นที่ที่ค่าฝุ่นพุ่งขึ้นเพียงบางจุด แต่ยังเป็นตัวเลขที่ต้องระวังเช่นกัน
ช่วงเช้าวันที่ 2 ธันวาคม แอปพลิเคชันติดตามฝุ่นของ GISTDA ระบุว่ามีหลายจังหวัดที่ค่าฝุ่นขยับขึ้นถึงระดับสีแดง ซึ่งกระทบต่อระบบทางเดินหายใจโดยตรง อีกหลายจังหวัดอยู่ในระดับสีส้ม สะท้อนว่าสภาพอากาศนิ่งครอบคลุมหลายภูมิภาคพร้อมกัน
ปัจจัยด้านสภาพอากาศทำให้ฝุ่นสะสม
การเพิ่มขึ้นของค่าฝุ่นในช่วงต้นเดือนธันวาคม 2568 เกี่ยวข้องโดยตรงกับสภาพอุตุนิยมวิทยาที่ไม่เอื้อต่อการถ่ายเทอากาศ ในหลายวันต่อเนื่องเกิดภาวะอุณหภูมิผกผัน ชั้นอากาศเย็นกดทับอากาศอุ่นด้านบน ทำให้มลพิษไม่สามารถลอยตัวขึ้นและถูกกักไว้ใกล้พื้นดิน
นอกจากนี้ แนวพายุโซนร้อนที่ปะทะอยู่บริเวณเวียดนามในช่วงเดียวกัน ทำให้กระแสลมในไทยอ่อนกำลังลงอย่างมาก ส่งผลให้ค่าฝุ่นในเมืองใหญ่เพิ่มขึ้นเร็ว โดยเฉพาะพื้นที่แออัดที่มีการจราจรหนาแน่นและแหล่งกำเนิดในเขตเมืองหลากหลายประเภท เช่น ไอเสียรถยนต์หรือไซต์ก่อสร้าง
แนวโน้ม 2–10 ธันวาคม ค่าฝุ่นอาจเพิ่มขึ้นก่อนลดลงช่วงสั้น
การประเมินของศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครคาดว่า วันที่ 2–10 ธันวาคม การระบายอากาศยังอยู่ในระดับอ่อน ทำให้แนวโน้มค่าฝุ่นเพิ่มขึ้นได้อีก แต่ช่วงวันที่ 4–6 ธันวาคมมีโอกาสที่สภาพอากาศใกล้พื้นจะเปิด และมีโอกาสเกิดฝนบางพื้นที่ ซึ่งอาจช่วยลดค่าฝุ่นลงชั่วคราว
ภาพรวมระดับประเทศก็มีทิศทางคล้ายกัน ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคอีสานหลายจังหวัดยังต้องจับตาฝุ่นสะสม ขณะที่ภาคใต้ยังถือว่าได้รับผลกระทบไม่รุนแรงเท่าภูมิภาคอื่น
ย้อนดูสถิติ 4 ปี ค่าฝุ่นดีขึ้นเพียงบางช่วง
เมื่อเปรียบเทียบคุณภาพอากาศในกรุงเทพฯ ระหว่างปี 2565–2568 พบรูปแบบที่ชัดเจนว่าแม้ปี 2567 ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีวิกฤต 2566 แต่ระดับโดยรวมยังสูงกว่าหลายช่วงของปี 2565 ซึ่งเป็นปีที่อากาศดีกว่าในรอบหลายปี
ในปี 2567 กรุงเทพมหานครมีวันที่อยู่ในระดับสีเขียวเพียง 43 วัน เพิ่มจาก 31 วันของปี 2566 แต่ยังต่ำกว่าปี 2565 ที่มี 49 วัน อีกตัววัดสำคัญคือค่าฝุ่นเฉลี่ยที่แปลงเทียบเท่าจำนวนมวนบุหรี่ที่สูดดม ชาวกรุงเทพฯ ในปี 2567 เทียบเท่าสูบบุหรี่กว่า 1,297 มวน แม้จะลดลงจากปี 2566 แต่ยังสูงกว่าปี 2565 อยู่มาก
ข้อมูลนี้ชี้ว่ามาตรการควบคุมในปี 2567 เริ่มเห็นผล เนื่องจากการบริหารจัดการฝุ่นจากการคมนาคมและการควบคุมกิจกรรมในเมืองมีความเข้มข้นมากขึ้น แต่ปัจจัยสภาพอากาศยังคงเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ค่าฝุ่นผันผวน
ปี 2568 มีมาตรการชัดเจนขึ้น แต่ยังหนีสภาพอากาศปิดไม่พ้น
ฝ่ายนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมยืนยันว่าภาพรวมช่วงต้นปี 2568 ดีขึ้นจากปีก่อน โดยหลายโครงการในกรุงเทพฯ เช่น แผนลดฝุ่น 365 วัน มาตรการตรวจจับรถควันดำ และการควบคุมไซต์ก่อสร้าง เริ่มเห็นผลเชิงโครงสร้าง
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขต้นเดือนธันวาคมยังสะท้อนข้อเท็จจริงว่า แม้แหล่งกำเนิดจะถูกควบคุมเข้มขึ้น แต่เมื่อเกิดภาวะอากาศปิดและลมอ่อนในวงกว้าง ฝุ่นที่ลอยสะสมในพื้นที่เมืองก็ยังเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว นี่จึงเป็นช่วงที่ต้องอาศัยการติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศแบบใกล้ชิด และปรับมาตรการระยะสั้นให้เหมาะกับความเสี่ยงในแต่ละวัน
ผลกระทบด้านสุขภาพและคำแนะนำต่อประชาชน
การสัมผัส PM2.5 ระดับสูงอย่างต่อเนื่องส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจและหัวใจอย่างชัดเจน โดยสร้างภาวะระคายเคือง ไอ หายใจลำบาก และอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังในระยะยาว สำหรับประชาชนทั่วไป แนะนำให้สวมหน้ากากที่สามารถกรองฝุ่นได้จริง และลดการทำกิจกรรมนอกอาคารในวันที่ค่าฝุ่นสูง
ส่วนกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคปอดหรือโรคหัวใจ ควรหลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านในช่วงที่ค่าฝุ่นพุ่งสูง และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างใกล้ชิด หากมีอาการผิดปกติ เช่น หายใจติดขัด หรือแน่นหน้าอก ควรรีบรับการตรวจรักษาโดยทันที
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
