"ดูไบ"สวรรค์ของคนรวย? เบอร์ 1 โลก เมืองจุดหมายปลายทางในฝันของ "ผู้มีความมั่งคั่งสูง"

"ดูไบ" ติดอันดับเบอร์ 1 โลก เมืองจุดหมายปลายทางในฝันของ "ผู้มีความมั่งคั่งสูง"
เศรษฐีย้ายประเทศเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และเป็นสิ่งที่น่าจับตา เพราะหมายถึงความมั่งคั่งที่จะย้ายหนีตามไปยังประเทศปลายทางด้วย ล่าสุดสำนักข่าวบลูมเบิร์กได้รายงานผลการจัดอันดับจากบริษัทที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ Savills Plc ซึ่งได้ประเมิน 30 เมืองทั่วโลกตามระดับความน่าดึงดูดสำหรับผู้มีความมั่งคั่งสูง (High-Net-Worth Individuals: HNWIs) พบว่า ดูไบเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของคนรวยทั่วโลก
ดูไบ (Dubai) คือหนึ่งใน 7 รัฐ (เอมิเรตส์) ที่ประกอบกันเป็นประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งอ่าวเปอร์เซีย และเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศ เนื่องจากพัฒนาเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดดจากเมืองทะเลทรายสู่ศูนย์กลางธุรกิจ การเงิน การท่องเที่ยว และโลจิสติกส์ของตะวันออกกลาง
และวันนี้ดูไบได้กลายเป็นเมืองในฝันของเหล่ามหาเศรษฐี โดยมีปัจจัยหนุนสำคัญคือ ระบบภาษีที่เป็นมิตร ทั้งการยกเว้นภาษีมรดก ภาษีกำไรจากการลงทุน (Capital Gains Tax) และภาษีทรัพย์สิน (Wealth Tax) รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานด้านครอบครัวและความปลอดภัยที่อยู่ในระดับสูง
ในรายงานถึงลูกค้า Savills ระบุว่า โรงเรียนนานาชาติหลายแห่งในดูไบมีรายชื่อนักเรียนรอเข้าศึกษายาวขึ้น เนื่องจากมีครอบครัวใหม่ย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองมากขึ้น และดูไบมีจำนวนโรงเรียนนานาชาติมากที่สุดในบรรดาเมืองทั้งหมดในดัชนีของSavills
สำหรับข้อมูลของ Savills ที่ประเมินออกมานั้น ได้อ้างอิงจาก IMD, PwC, SpeedTest, Wealth-X, Oxford Economics, Michelin, STR, Numbeo และ Source Security โดย Savills ระบุว่าความมั่งคั่งทั่วโลกกำลังฟื้นตัวจากภาวะชะลอตัวในปี 2565 โดยภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกเติบโตเร็วที่สุดในโลก เมื่อปีที่แล้ว(ปี 2567) มีผู้มีทรัพย์สินระดับล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้นกว่า 680,000 คน หรือขยายตัว 1.2% จากปีก่อนหน้า และคาดว่าจะมีเพิ่มอีกกว่า 5 ล้านคนภายในปี 2572
สาเหตุสำคัญที่ผลักดันการย้ายถิ่นของเหล่ามหาเศรษฐีผู้มั่งคั่ง ก็คือ สภาพแวดล้อมทางธุรกิจและภาษี และปรากฎว่าดูไบ ซึ่งครองอันดับ 1 และนิวยอร์กลำดับ 2 นั้นได้ดึงดูดเศรษฐีจากทั่วโลกด้วยความมั่นคงทางภูมิรัฐศาสตร์และกฎระเบียบที่เป็นมิตรต่อธุรกิจ
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ยังมีโครงการ Golden Visa ที่อนุญาตให้ผู้ลงทุนตั้งแต่ 2 ล้านดีแรห์ม หรือประมาณ 544,550 ดอลลาร์สหรัฐ ได้สิทธิ์พำนักระยะยาว 10 ปีในระบบภาษีต่ำ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มเศรษฐีระดับโลก
ขณะเดียวกันในอิตาลี การเก็บภาษีอัตราเหมาจ่าย (Flat Tax) สำหรับรายได้ทั่วโลก ก็ทำให้ความต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในเมืองใหญ่อย่างมิลานเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากนี้ต้องจับตาการเปลี่ยนทิศของศูนย์กลางการเงินแบบดั้งเดิมไปสู่เมืองที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี เช่น เซินเจิ้น และเบงกาลูรู ซึ่งพบว่ามีจำนวนเศรษฐีเพิ่มขึ้นกว่า 100% ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ขณะที่เศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิกโดยรวมเติบโตต่อเนื่อง ส่งผลให้เมืองใหญ่อย่าง เซี่ยงไฮ้ กรุงเทพฯ และโตเกียว ได้รับอานิสงส์จากการเพิ่มขึ้นของกลุ่มผู้มีรายได้สูง
Savills ยังชี้ให้เราเห็นอีกว่า "ภาษีมรดก" เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่กำหนดว่าเศรษฐีสูงวัยจะเลือกซื้อบ้านในที่ไหย โดยเฉพาะยิ่งแม้เมืองลอนดอน ของอังกฤษจะครองอันดับ 1 ด้านคุณภาพชีวิต แต่กลับร่วงในอันดับรวมเนื่องจากระบบภาษีของสหราชอาณาจักรที่อยู่ในระดับสูง ทำให้ความต้องการอสังหาริมทรัพย์หรูในเมืองลดลงในปีนี้
“สภาพแวดล้อมทางภาษีที่เข้มงวดของลอนดอนส่งผลให้ความนิยมในกลุ่มผู้มั่งคั่งรุ่นอาวุโสลดลง เมื่อเปรียบเทียบกับสหรัฐฯ ที่มีเพดานภาษีมรดกสูงกว่า หรือภูมิภาคตะวันออกกลางที่แทบไม่มีภาษีประเภทนี้ เมืองเหล่านั้นจึงมีความน่าดึงดูดมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด”
การจัดอันดับ 30 เมืองที่ดึงดูดเศรษฐีมากที่สุดในโลก
1. ดูไบ (Dubai)
2.นิวยอร์ก (New York)
3.สิงคโปร์ (Singapore)
4. ฮ่องกง (Hong Kong)
5.อาบูดาบี (Abu Dhabi)
6. โมนาโก (Monaco)
7. ลอสแอนเจลิส (Los Angeles – LA)
8.ไมอามี (Miami)
9.แอสเพน (Aspen)
10.ลอนดอน (London)
11.เจนีวา (Geneva)
12. ซานฟรานซิสโก (San Francisco)
13. เวล (Vail)
14. ปักกิ่ง (Beijing)
15. เซอร์แมท (Zermatt)
16. เซี่ยงไฮ้ (Shanghai)
17.กรุงเทพฯ (Bangkok)
18.คชตาท (Gstaad)
19.โรม (Rome)
20. เซนต์มอริตซ์ (St. Moritz)
21.มาลิบู (Malibu)
22.ทัสคานี (Tuscany)
23.มิลาน (Milan)
24.โตเกียว (Tokyo)
25.เวอร์เบียร์ (Verbier)
26.ลิสบอน (Lisbon)
27. เซินเจิ้น (Shenzhen)
28.แจ็กสัน (Jackson)
29.อันเดอร์แมท (Andermatt)
30. ปาล์มบีช (Palm Beach)
"เศรษฐี" ย้ายประเทศ หลั่งไหลเข้าสู่ "สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์" (UAE) พุ่งทำสถิติสูงสุด มากกว่า 9,800 คน
ข้อมูลจากรายงานของ เฮนลีย์ แอนด์ พาร์ตเนอร์ส (Henley & Partners) บริษัทให้คำปรึกษาแก่ผู้มั่งคั่งที่ต้องการย้ายถิ่นฐานผ่านการลงทุนเปิดเผย รายงาน Henley Private Wealth Migration Report 2025 คาดการณ์ว่า มหาเศรษฐีทั่วโลกจำนวนรวม 142,000 รายจะย้ายถิ่นฐานในปีนี้
โดยในรายงานระบุว่า สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ยังคงรักษาตำแหน่งจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งของโลกสำหรับการย้ายถิ่นฐานของผู้มั่งคั่งเอาไว้ได้ โดยคาดว่าจะมีการไหลเข้าสุทธิของมหาเศรษฐีมากกว่า 9,800 คนในปีนี้ ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุด
ข้อมูลรายงานของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เผยบทสัมภาษณ์ “Rachael Kennerley” ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ Savills ตะวันออกกลาง ระบุว่า ความมั่งคั่งในอาบูดาบีได้ดึงดูด สำนักงานครอบครัว (Family Offices) และบริษัทข้ามชาติระดับโลก ส่งผลให้เกิดความต้องการอสังหาริมทรัพย์ระดับพรีเมียม ทั้งในภาคที่อยู่อาศัยและสำนักงานเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ขณะเดียวกัน เมืองสำคัญอย่างดูไบ ยังคงรักษาบทบาทสำคัญในตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับหรู โดยในปี 2567 มูลค่าทรัพย์สินที่อยู่อาศัยระดับพรีเมียมเพิ่มขึ้นถึง 6.8% และพื้นที่สำนักงานระดับหรูมีอัตราการเติบโต 7% ในไตรมาสสุดท้ายของปี และมีการบันทึกปริมาณการทำธุรกรรมที่เพิ่มขึ้นสูงถึง 47% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
นอกจากนี้ ดูไบและอาบูดาบี ยังถูกยกย่อง ให้เป็นเมืองที่มีนโยบายภาษีที่เอื้อต่อการทำธุรกิจ มีฐานความรู้และเทคโนโลยีที่มั่นคง และมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ การที่ดึงดูดองค์กรชั้นนำมาปักหลักได้ ก็เท่ากับ ดึงดูดให้บุคลากรที่มีศักยภาพสูงและผู้มีทรัพย์สินสุทธิสูง ที่ต้องการเข้าถึงโอกาสในการเติบโตทั้งในด้านอาชีพและการลงทุนด้วย
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
