ประชุม “COP30” ล้มเหลว? ยังไม่ขยับเรื่องยุติฟอสซิล เงินสภาพภูมิอากาศยังไร้ความชัดเจน

การประชุมสหประชาชาติด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 30 (COP30) ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองเบเลง ประเทศบราซิล และมีผู้เข้าร่วมกว่า 55,000 คน ได้ปิดฉากลงไปเมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา ถือเป็นหนึ่งในเวทีเจรจาสำคัญที่สุดของปี โดยหลายฝ่ายตั้งความหวังว่า “COP” จะสามารถผลักดันความคืบหน้าในประเด็นเงินทุนสภาพภูมิอากาศ การแก้ปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า และสิทธิชนพื้นเมืองได้อย่างเป็นรูปธรรม อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงสุดท้ายกลับสะท้อนภาพความคืบหน้าที่ปะปนด้วยข้อขัดแย้งจำนวนมาก
ภาพรวมการประชุม
COP30 มีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วม 56,118 คน นับเป็นการประชุม COP ที่มีผู้เข้าร่วมมากที่สุดเป็นอันดับสอง รองจาก COP28 ที่ดูไบ การประชุมครั้งนี้มีตัวแทนชนพื้นเมืองประมาณ 2,500 คน และบุคคลที่เป็นตัวแทนด้านเชื้อเพลิงฟอสซิลถึง 1,600 คน ซึ่งมากกว่าตัวแทนจากหลายประเทศรวมกัน บราซิลและจีนส่งคณะผู้แทนกลุ่มใหญ่ที่สุด ขณะที่สหรัฐอเมริกาไม่ได้ส่งคณะผู้แทนเข้าร่วมเลยเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี ส่งผลให้หลายฝ่ายกังวลว่าการขาดบทบาทของสหรัฐจะซ้ำเติมความล่าช้าในการเจรจาประเด็นหลัก เช่น เงินทุนด้านสภาพภูมิอากาศ และการชดเชยความสูญเสียและความเสียหาย (Loss and Damage)
ประธานาธิบดีลูอิซ อีนาซีอู ลูลา ดา ซิลวา ระบุในการเปิดประชุมว่า COP30 จะเป็น “COP แห่งความจริง” เพื่อพิสูจน์ความตั้งใจของผู้นำโลกต่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศ แต่หลายฝ่ายเห็นว่าความตั้งใจดังกล่าวยังไม่สัมฤทธิ์ผล
ประเด็นสำคัญ: ความสำเร็จและความล้มเหลวของ COP30
1. เชื้อเพลิงฟอสซิล ความล้มเหลวที่ชัดเจน
เสียงวิจารณ์ที่รุนแรงที่สุดมุ่งไปที่ข้อเท็จจริงที่ว่า ข้อตกลงสุดท้าย ไม่มีการกล่าวถึงเชื้อเพลิงฟอสซิล แม้จะมีประเทศกว่า 80 ประเทศและองค์กรกว่า 100 แห่งเรียกร้องให้กำหนด “โรดแมปเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล” อย่างชัดเจน ภายใต้แรงกดดันจากซาอุดีอาระเบีย รัสเซีย และประเทศผู้ผลิตพลังงานรายใหญ่ ประธาน COP30 นายอังเดร กอร์เรอา ดู ลาโก จึงประกาศเพียง “โรดแมปภาคสมัครใจ” ซึ่งจะทำงานนอกกรอบกระบวนการ UNFCCC และควบรวมกับแผนของกลุ่มประเทศที่นำโดยโคลอมเบียแทน แม้ COP28 เมื่อ พ.ศ. 2566 จะระบุว่าต้อง “เปลี่ยนผ่านพลังงานออกจากเชื้อเพลิงฟอสซิล” แต่ COP30 ไม่สามารถยกระดับคำมั่นดังกล่าวได้
2. เงินทุนสภาพภูมิอากาศ: เพิ่มเป้าหมาย แต่ยังไร้รายละเอียด
ข้อตกลงด้านการปรับตัว (adaptation) “เรียกร้อง” ให้ประเทศร่ำรวย เพิ่มเงินทุนด้านการปรับตัวเป็น 3 เท่า เพื่อช่วยประเทศเปราะบางรับมือภัยพิบัติที่ทวีความรุนแรง อย่างไรก็ตาม ตัวเลขสุดท้าย วิธีระดมทุน และกลไกการส่งมอบยังไม่ถูกกำหนด ขณะเดียวกัน เป้าหมายเดิมที่ควรจัดสรรเงินช่วยเหลือราว 120,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี ถูกเลื่อนจาก พ.ศ. 2573 ไปเป็น พ.ศ. 2578 ด้าน UNEP รายงานในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2568 ว่าประเทศกำลังพัฒนาต้องการเงินทุนด้านการปรับตัวถึง 310,000–365,000 ล้านดอลลาร์ต่อปีจนถึง พ.ศ. 2578 ซึ่งสูงกว่าระดับปัจจุบันถึง 12–14 เท่า
COP30 ยังเห็นการตกลงลดตัวชี้วัดของเป้าหมายโลกด้านการปรับตัว (GGA) จาก 10,000 ตัว เหลือ 100 ตัว พร้อมประกาศ “วิสัยทัศน์เบเลง–แอดดิส” ซึ่งจะเดินหน้าพัฒนากลไกต่อเนื่องอีกสองปี ก่อน COP32 ที่เอธิโอเปียใน พ.ศ. 2570
3. กลไก Just Transition
ที่ประชุมเห็นชอบจัดตั้ง “กลไกการเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรม” (Just Transition Mechanism) เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานเป็นธรรมต่อแรงงาน ผู้หญิง ชนพื้นเมือง และชุมชนเสี่ยง
กลไกนี้จะถูกพัฒนาในรายละเอียดเพื่อประกาศใช้ใน COP31 ปีหน้า
4. ป่าไม้และป่าแอมะซอน ความหวังที่ไม่เป็นจริง
แม้จะจัดประชุมกลางผืนป่าแอมะซอน COP30 กลับไม่กล่าวถึงการตัดไม้ทำลายป่าในข้อตกลงสุดท้าย บราซิลผลักดันประเด็นนี้อย่างหนัก แต่ได้เพียง “โรดแมปอาสาสมัคร” แยกต่างหาก เช่นเดียวกับเชื้อเพลิงฟอสซิล กองทุนปกป้องป่าไม้ของประธานาธิบดีลูลา ซึ่งตั้งเป้าระดมทุน 25,000 ล้านดอลลาร์ ได้รับการสนับสนุนเพียง 6,600 ล้านดอลลาร์จาก 53 ประเทศ ซึ่งถือว่าต่ำกว่าคาดอย่างมาก
5. ชนพื้นเมือง มีส่วนร่วมสูง แต่เข้าถึงการเจรจาน้อย
COP30 มีชนพื้นเมืองเข้าร่วมมากถึง 2,500 คน และถูกวางให้เป็นศูนย์กลางของเวทีมากกว่าครั้งใดในอดีต แต่การเข้าถึงเขตเจรจาหลัก (Blue Zone) ได้รับการอนุญาตเพียง 14% ของจำนวนดังกล่าวอย่างไรก็ดี แรงกดดันจากชนพื้นเมืองทำให้เกิดผลลัพธ์สำคัญ เช่น โคลอมเบียประกาศห้ามทำเหมืองและสกัดทรัพยากรในพื้นที่แอมะซอน บราซิลประกาศรับรองพื้นที่ชนพื้นเมืองใหม่ 10 แห่ง และรัฐบาลบราซิลลงนามจัดสรรพื้นที่สาธารณะเพิ่มอีก 59 ล้านเฮกตาร์ให้ชนพื้นเมือง ผลลัพธ์เหล่านี้สะท้อนว่าชนพื้นเมืองยังคงเป็นผู้พิทักษ์ผืนป่าที่สำคัญที่สุดของแอมะซอน
6. ข้อถกเถียงเกี่ยวกับล็อบบี้เชื้อเพลิงฟอสซิล
รายงานของกลุ่ม KBPO ระบุว่า ผู้แทนอุตสาหกรรมฟอสซิลมีจำนวน 1,600 คน หรือคิดเป็น 1 ใน 25 ของผู้เข้าร่วมทั้งหมด มากกว่าผู้แทนจากประเทศเปราะบางด้านภูมิอากาศรวมกันทั้งหมด
ประเด็นนี้จุดชนวนเสียงวิจารณ์อย่างหนักถึงความโปร่งใสของการประชุม
ก้าวต่อไปหลัง COP30
การประชุม COP31 จะจัดขึ้นที่ประเทศตุรกีใน พ.ศ. 2569 หลังออสเตรเลียถอนตัวจากการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ และตกลงสนับสนุนตุรกีในการเป็นประธานการประชุมแทน โดยตุรกีเสนอจัดการประชุม ณ เมืองอันตัลยา เมืองท่องเที่ยวสำคัญริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
