รีเซต

โลกร้อนคือมะเร็งร้าย รวยแค่ไหนก็ไม่รอด ลูกหลานอาจโตมาในโลกที่อยู่ไม่ได้

โลกร้อนคือมะเร็งร้าย รวยแค่ไหนก็ไม่รอด ลูกหลานอาจโตมาในโลกที่อยู่ไม่ได้
TNN ช่อง16
25 มิถุนายน 2568 ( 11:00 )
9

ภาวะโลกร้อนที่เราคุ้นเคยในรูปแบบของตัวเลข เช่น อุณหภูมิที่สูงขึ้น ระดับน้ำทะเลเพิ่ม หรือคลื่นความร้อนถี่ขึ้น ทั้งหมดนี้ว่าน่ากลัวแล้ว แต่เบื้องหลังมีสิ่งที่น่ากังวลกว่าคือ “จุดเปลี่ยน” (tipping points) อย่างน้อย 16 จุด ที่นักวิทยาศาสตร์พบว่า หากโลกข้ามผ่านแม้เพียงเล็กน้อย จะทำให้ระบบธรรมชาติเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันและถาวร เช่น กระแสน้ำอุ่นในมหาสมุทรแอตแลนติกอาจหยุดไหล ทำให้ฤดูกาลและพายุทั่วโลกปั่นป่วน, ธารน้ำแข็งละลายจนควบคุมไม่ได้ หรือป่าแอมะซอนกลายเป็นทุ่งหญ้าอย่างถาวร ทั้งหมดนี้อาจจุดชนวนหายนะที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตมนุษย์อย่างรุนแรงในเวลาไม่นาน

 


 ดร.จีนวีฟ เกินเธอร์ นักสื่อสารโลกร้อนและผู้ก่อตั้งองค์กร End Climate Silence ชี้ว่า หลายปีที่ผ่านมา มีความพยายามอ่อนข้อให้เรื่องโลกร้อนดูเบาลง เพื่อไม่ให้ประชาชนและนักลงทุนรู้สึกกลัว แต่ความกลัวอย่างมีเหตุผลต่างหากที่เป็นแรงผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เธออธิบายว่าแม้เป้าหมายโลกร้อนต่ำกว่า 2°C ดูเหมือนปลอดภัย แต่จริงๆ แล้วแม้เพียง 1.5°C ก็ส่งผลรุนแรงต่อชีวิตผู้คนนับล้าน การพูดถึงความเสี่ยงอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่ทำให้คนรู้สึกสิ้นหวัง คือสิ่งจำเป็นต่อการผลักดันนโยบายที่กล้าหาญและการลงมือเปลี่ยนแปลงระดับโครงสร้าง

หนึ่งในประเด็นสำคัญที่เธอวิจารณ์ในหนังสือ The Language of Climate Politics คือ แนวคิดทางเศรษฐศาสตร์ที่ประเมินความเสียหายจากโลกร้อนต่ำเกินจริง ตัวอย่างเช่น แบบจำลองของนักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล วิลเลียม นอร์ดเฮาส์ ที่คาดว่าภาวะโลกร้อนจะทำให้เศรษฐกิจสูญเสียเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ภายในศตวรรษนี้ ทั้งที่แบบจำลองนั้นไม่ได้รวมความเสียหายจากสงคราม ภัยธรรมชาติ การพังทลายของระบบสังคม หรือการหยุดชะงักของระบบพื้นฐาน เช่น อาหาร น้ำ และพลังงาน เธอย้ำว่า ความคิดที่ว่า “รวยแล้วรอด” เป็นความเชื่อที่ไม่มีหลักฐานรองรับ เพราะไม่มีทรัพย์สินหรือเทคโนโลยีใดปกป้องเราได้จากโลกที่ล่มสลาย

ดร.เกินเธอร์ เชื่อว่าการแก้วิกฤตโลกร้อนไม่ใช่แค่เรื่องข้อมูลหรือเหตุผล แต่คือเรื่องของความรักและความห่วงใยในมนุษย์คนอื่น โดยเฉพาะคนรุ่นหลัง เธอเปรียบว่าภาวะโลกร้อนไม่ใช่โรคเบาหวานที่ควบคุมได้ แต่เป็น “มะเร็ง” ที่หากปล่อยไว้นานจะลุกลามจนเกินเยียวยา และเราต้องต่อสู้ด้วยความกล้าหาญจากความรัก ไม่ใช่ความโลภหรือการหลีกเลี่ยงความจริง เธอเชื่อว่า พลังของความรักและความร่วมมือจะเป็นแรงผลักดันให้เรารอดพ้นจากวิกฤตได้ มากกว่าความหวังลมๆ แล้งๆ ที่ไม่ได้ลงมือทำอะไรจริง

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง