ยาพ่นรักษาหอบ กำลังทำโลกหายใจไม่ออก

ในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับวิกฤติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มลพิษจากภาคพลังงาน การคมนาคม และอุตสาหกรรมมักถูกมองว่าเป็นสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อน ทว่า ผลการศึกษาล่าสุดกลับชี้ให้เห็นว่า อุปกรณ์ทางการแพทย์ขนาดเล็กอย่าง “ยาพ่นโรคหืด” ก็มีส่วนสร้างก๊าซเรือนกระจกในระดับที่ไม่อาจมองข้ามได้เช่นกัน
เครื่องพ่นยารักษาโรคหอบหืดและโรคปอดเรื้อรัง โดยเฉพาะชนิด Metered-Dose Inhaler (MDI) ใช้สารขับดันที่เรียกว่า ไฮโดรฟลูออโรอัลเคน (HFA) เพื่อพ่นยาเข้าสู่ปอด สารนี้เป็นหนึ่งในก๊าซเรือนกระจกที่มีศักยภาพในการกักเก็บความร้อนสูงกว่าคาร์บอนไดออกไซด์หลายพันเท่า แม้จะใช้ในปริมาณน้อย แต่เมื่อรวมกันจากผู้ป่วยหลายสิบล้านคนทั่วประเทศ ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อสภาพภูมิอากาศกลับมหาศาล
ข้อมูลจากการวิจัยที่เผยแพร่ในวารสาร JAMA ระบุว่า ระหว่างปี 2014–2024 มีการใช้เครื่องพ่นยากว่า 1.6 พันล้านชิ้นในสหรัฐอเมริกา คิดเป็นการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่ากว่า 24.9 ล้านตันต่อปี หรือเทียบเท่ามลพิษจากรถยนต์กว่า 500,000 คันบนท้องถนนในหนึ่งปี ยาพ่นชนิด MDI ยังคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 98% ของมลพิษจากเครื่องพ่นยาทั้งหมดในประเทศ
แม้สาร HFA จะไม่ทำลายชั้นโอโซนเหมือนสาร CFC ที่ถูกยกเลิกไปก่อนหน้านี้ แต่ก็ยังคงเป็นภัยต่อสภาพภูมิอากาศในระยะยาว ทางเลือกใหม่อย่าง Dry-Powder Inhaler (DPI) หรือยาพ่นชนิดผงแห้ง จึงถูกพัฒนาและนำมาใช้มากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพราะไม่ต้องใช้ก๊าซขับดันและสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีนัยสำคัญ ตัวอย่างจากหน่วยงานสาธารณสุขของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนมาใช้ DPI สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 60% ภายในระยะเวลาเพียงสิบกว่าปี
อย่างไรก็ตาม ยาพ่นชนิดใหม่นี้ยังไม่สามารถใช้แทนได้ทั้งหมด ผู้ป่วยบางกลุ่ม เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีแรงหายใจไม่เพียงพอ ยังจำเป็นต้องใช้เครื่องพ่นแบบเดิมที่มีก๊าซขับดัน อีกทั้งยาชนิดผงแห้งยังมีราคาสูงกว่าและมักไม่ได้รับความคุ้มครองจากระบบประกันสุขภาพ นอกจากนี้ สหรัฐอเมริกายังมีผลิตภัณฑ์ยาพ่นชนิดใหม่น้อยกว่ายุโรป ซึ่งทำให้การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบยาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทำได้ช้ากว่า
แม้ยาพ่นโรคหืดจะเป็นเพียงส่วนเล็กของปัญหาภาวะโลกร้อนเมื่อเทียบกับภาคอุตสาหกรรมหรือการคมนาคม แต่กรณีนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของ “การลดมลพิษในทุกระดับ” เพราะแม้สิ่งเล็กน้อยในชีวิตประจำวันก็สามารถมีผลต่อโลกได้อย่างคาดไม่ถึง การปรับเปลี่ยนวิธีการผลิตและเลือกใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ยั่งยืนจึงถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์ของภาคสาธารณสุข
สุดท้ายแล้ว ยาพ่นโรคหืดไม่ได้เป็นเพียงสัญลักษณ์ของการช่วยให้ผู้ป่วยหายใจได้สะดวกขึ้น แต่ยังกลายเป็นเครื่องเตือนใจให้สังคมตระหนักว่า ทุกการตัดสินใจของมนุษย์ สามารถมีผลต่อสภาพภูมิอากาศของโลกได้อย่างลึกซึ้ง หากเราทุกคนร่วมกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรม แม้เพียงเล็กน้อย โลกก็อาจจะ “หายใจ” ได้ดีขึ้นเช่นเดียวกัน
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
