รีเซต

แหวนอัจฉริยะ "Oura Ring" หันโฟกัสจากสายฟิตเนสสู่ทาร์เกตสาวเจน Z

แหวนอัจฉริยะ "Oura Ring" หันโฟกัสจากสายฟิตเนสสู่ทาร์เกตสาวเจน Z
TNN ช่อง16
20 ตุลาคม 2568 ( 16:28 )
17

เอาร่า (Oura) บริษัทเทคโนโลยีสุขภาพจากฟินแลนด์ผู้บุกเบิก แหวนอัจฉริยะ (Smart Ring) กำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนสำคัญ หลังพบว่าผู้ใช้ที่เติบโตเร็วที่สุดในปัจจุบันคือ “เหล่าสาว ๆ วัยยี่สิบต้น ๆ”  หรือกลุ่ม Gen Z กลุ่มคนที่เกิดระหว่างช่วงปี ประมาณ ค.ศ. 1997–2012 ไม่ใช่กลุ่มผู้บริหารหรือนักธุรกิจสายสุขภาพอย่างที่ผ่านมา

ดอโรธี คิลรอย (Dorothy Kilroy) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ของ เอาร่า (Oura) เผยระหว่างการสัมภาษณ์ในงานเอเลอเวท คอนเฟอเรนส์ (Elevate Conference) ที่เมืองโตรอนโต ประเทศแคนนาดา ว่าบริษัทสังเกตเห็นแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงนี้อย่างชัดเจนโดยบริษัทกล่าวว่า  “พวกเธอดื่มแอลกอฮอล์น้อยลง ดูแลสุขภาพจิตมากขึ้น และใช้เทคโนโลยีเพื่อตรวจสอบร่างกายอย่างเข้าใจตนเองมากกว่าเดิมหลังใช้งาน”

แหวนอัจฉริยะ เอาร่า (Oura Ring) คือ

แหวนอัจฉริยะ (Smart Ring) จากฟินแลนด์ที่ออกแบบมาให้เป็น “แพลตฟอร์มสุขภาพขนาดจิ๋ว” สำหรับสวมใส่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ตัวแหวนผลิตจากไทเทเนียม น้ำหนักเบา กันน้ำ และมีเซ็นเซอร์ฝังในวงแหวนอย่างแนบเนียน เพื่อวัดข้อมูลทางชีวภาพแบบรอบด้าน เช่น 

  • จะเป็นอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate) 
  • ความแปรปรวนของชีพจร (HRV) 
  • อุณหภูมิร่างกาย 
  • การเคลื่อนไหว 
  • ระดับออกซิเจนในเลือด (SpO₂) 
  • คุณภาพการนอน 

โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกวิเคราะห์ด้วยะบบสมาร์ตเซนส์ซิ่ง (Smart Sensing) และอัลกอริธึมอัจฉริยะที่เรียนรู้จากพฤติกรรมของผู้ใช้ เพื่อคำนวณคะแนนด้าน “การนอน” “ความพร้อมของร่างกาย” และ “กิจกรรมประจำวัน” ช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจสุขภาพแบบองค์รวมในเชิงป้องกันมากกว่าการติดตามเฉพาะกิจกรรมกีฬา 

นอกจากนี้เอาร่า (Oura) ยังพัฒนาเทคโนโลยีตรวจจับอุณหภูมิความแม่นยำสูงเพื่อใช้วิเคราะห์รอบเดือน การตกไข่ และภาวะก่อนหมดประจำเดือน รวมถึงจับมือกับบริษัท เดกซ์คอม (Dexcom) บริษัทเทคโนโลยีสุขภาพจากสหรัฐอเมริกา ที่มีชื่อเสียงระดับโลกด้าน อุปกรณ์ตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดแบบต่อเนื่อง (Continuous Glucose Monitoring: CGM) ที่เชื่อมข้อมูลระดับน้ำตาลในเลือดแบบเรียลไทม์ เพื่อยกระดับสู่การดูแลสุขภาพเชิงลึกที่ผสานข้อมูลจากร่างกายจริงกับการวิเคราะห์ด้วย AI อย่างสมบูรณ์ อีกทั้งยังร่วมวิจัยกับสถาบันวิจัยระดับโลก เช่น Stanford, UC Berkeley และ UCSF พร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญกว่า 30 คน เพื่อยกระดับความแม่นยำเชิงคลินิก

จาก Startup สู่ผู้นำตลาดแหวนอัจฉริยะครองส่วนแบ่ง 80%

เอาร่า (Oura) ก่อตั้งเมื่อ 13 ปีก่อน และถือเป็นบริษัทที่สร้างตลาดสมาร์ตริงขึ้นแทบจากศูนย์ ปัจจุบันครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 80% และเติบโตต่อเนื่อง โดยปีที่ผ่านมา บริษัทมียอดรายได้เพิ่มขึ้นเท่าตัว และคาดว่าจะเติบโตอีกเท่าหนึ่งในปีนี้

ความสำเร็จของโออูรา (Oura) มาจาก “กระแสปากต่อปาก” คล้ายกับแนวทางที่ Airbnb ใช้เติบโตมาก่อน ผู้ใช้พูดถึงคะแนนการนอนหลับของตนเอง จนกลายเป็นเทรนด์สุขภาพที่แพร่หลายไปทั่วโลก

กลุ่มผู้ใช้หลักของบริษัทคือ “Corporate Athletes” หรือพนักงานมืออาชีพที่ต้องการดูแลสุขภาพให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นมิลเลนเนียลและเจน X ที่มีกำลังซื้อสูงและใส่ใจสุขภาพ

คู่แข่งใหม่รุกตลาดสายฟิตเนส

ขณะที่ เอาร่า (Oura) เติบโตในกลุ่มมืออาชีพและผู้หญิงรุ่นใหม่ คู่แข่งอย่าง วูป (Whoop) หรือ สายรัดข้อมืออัจฉริยะ (smart strap) ที่เน้นวัดค่าทางสรีรวิทยาโดยละเอียดและ อัลตร้าฮิวแมน (Ultrahuman) หรือ แหวนสุขภาพแบบไม่ต้องสมัครรายเดือนกำลังจับตลาด “หนุ่มสายยิม” และนักกีฬาที่เน้นสมรรถภาพร่างกาย 

โดย วูป (Whoop) เปิดตัวบริการตรวจเลือดก่อนหน้า เอาร่า (Oura) เพียงหนึ่งวัน ส่วน อัลตร้าฮิวแมน (Ultrahuman) ใช้กลยุทธ์ “ไม่เก็บค่าสมาชิกรายเดือน” เพื่อดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เริ่มเบื่อการจ่ายค่าบริการซ้ำ ๆ 

แต่ดอโรธี คิลรอย (Dorothy Kilroy) ยืนยันว่า เอาร่า (Oura) จะไม่แข่งด้วยราคาเพราะ “เรามุ่งเน้นให้ผู้ใช้ได้รับคุณค่าจริงจากข้อมูลสุขภาพ และพอใจที่จะจ่ายต่อ เพราะเห็นประโยชน์ชัดเจนในชีวิตประจำวัน”

จากดีลกับกลาโหมสหรัฐฯ สู่บทเรียนเรื่อง “ความไว้วางใจ” 

แม้ เอาร่า (Oura)  จะถูกวิจารณ์หลังจากดีลมูลค่า 96 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 3,500 ล้านบาท กับกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ซึ่งใช้ระบบวิเคราะห์ข้อมูลของ พาลันเทียร์ (Palantir) บริษัทซอฟต์แวร์ด้านความมั่นคงและข้อมูลขนาดใหญ่ จนเกิดข้อกังวลเรื่อง “ข้อมูลส่วนบุคคล” แต่ทาง เอาร่า (Oura) ยืนยันชัดว่า ข้อมูลของสมาชิกทั่วไป “ไม่ถูกส่งต่อให้รัฐบาล” และโครงการดังกล่าวเกี่ยวข้องเฉพาะข้อมูลการวิจัยด้านสุขภาพของเจ้าหน้าที่ทหารเท่านั้น

เหตุการณ์นี้กลายเป็นเครื่องย้ำเตือนถึง “ความไว้วางใจ” ซึ่งเป็นหัวใจของเทคโนโลยีสวมใส่ทุกชนิด โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่รู้จักร่างกายของผู้ใช้ดีกว่าตัวเขาเอง สำหรับ เอาร่า (Oura)  ความโปร่งใสและความปลอดภัยของข้อมูลจึงเป็นจุดยืนสำคัญ และยังสอดคล้องกับแนวทางใหม่ของแบรนด์ที่ต้องการสร้าง “ความสัมพันธ์ระยะยาวกับผู้ใช้” ไม่ใช่เพียงการขายอุปกรณ์ติดตามฟิตเนส

และนั่นคือเหตุผลที่ เอาร่า (Oura) เลือกเดินหน้าสู่ตลาดกลุ่มใหม่อย่าง “ผู้หญิงเจน Z” ซึ่งให้คุณค่ากับ สุขภาพจิต ความสมดุลของชีวิต และความไว้วางใจต่อเทคโนโลยี มากกว่าตัวเลขบนหน้าจอ สะท้อนว่าในยุคที่ Wearable ทุกแบรนด์แข่งกันด้วย “ข้อมูล” เอาร่า (Oura) กลับเลือกจะนำ “ความเชื่อใจ” มาเป้นจุดขายของแบรนด์

ที่มาของภาพ
Oura Ring

อัปเกรดฟีเจอร์ใหม่เพื่อคุณผู้หญิงหวังเจาะกลุ่มตลาดใหม่  

เพื่อตอบโจทย์ตลาดกลุ่มใหม่อย่าง “ผู้หญิงเจน Z” เอาร่า (Oura) จึงพัฒนาฟีเจอร์เฉพาะทาง เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่ตั้งใจไว้โดยพัฒนาระบบเช่น

  • ระบบติดตามรอบเดือนและภาวะตกไข่ ซึ่งบริษัทอ้างว่ามีความแม่นยำถึง 97%

  • ฟีเจอร์ดูแลภาวะก่อนหมดประจำเดือน (Perimenopause)

  • โหมดติดตามสุขภาพระหว่างตั้งครรภ์

โดยบริษัทกล่าวว่า “เราไม่ใช่เพียง Fitness Tracker แต่เป็นแพลตฟอร์มสุขภาพเชิงป้องกัน ที่ช่วยให้ผู้คนหลีกเลี่ยงความเครียด ความเหนื่อยล้า และตรวจจับสัญญาณโรคได้ตั้งแต่ระยะต้น” คิลรอยกล่าวบนเวที

ในท้ายที่สุด เส้นทางใหม่ของเอาร่าริง (Oura Ring) สะท้อนให้เห็นการเปลี่ยนผ่านจาก “อุปกรณ์ติดตามฟิตเนส” สู่ “เทคโนโลยีตรวจจับสุขภาพเชิงลึก” ที่เข้าใจร่างกายและจิตใจของผู้ใช้มากขึ้น ซึ่งบริษัทเองเลือกโฟกัสกลุ่มผู้หญิงเจน Z ที่ให้ความสำคัญกับสมดุลชีวิต ความมั่นคงทางอารมณ์ และความไว้วางใจในข้อมูล มากกว่าการแข่งขันด้านสมรรถภาพร่างกายเพียงอย่างเดียว นี่คือภาพลักษณ์ใหม่ของเอาร่า (Oura) ที่มุ่งสร้างคุณค่าในระยะยาวผ่านนวัตกรรม สุขภาวะ และความเชื่อใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง