รีเซต

กรมอุทยานฯ สั่งรื้อ รีสอร์ตแพหรู 20 ล้าน พ้นแม่น้ำแควน้อยใน 30 วัน รุกล้ำเขตอช.ไทรโยค

กรมอุทยานฯ สั่งรื้อ รีสอร์ตแพหรู 20 ล้าน พ้นแม่น้ำแควน้อยใน 30 วัน รุกล้ำเขตอช.ไทรโยค
มติชน
6 สิงหาคม 2564 ( 13:57 )
74
กรมอุทยานฯ สั่งรื้อ รีสอร์ตแพหรู 20 ล้าน พ้นแม่น้ำแควน้อยใน 30 วัน รุกล้ำเขตอช.ไทรโยค

 

ตามนโยบายของ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้ดำเนินการปราบปราม นายทุนบุกรุกป่าอย่างเด็ดขาด

 

 

ล่าสุด เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) พร้อมด้วย นายสมเจตน์ จันทนา หัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค นายจิรายุ พูลทวี ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติไทรโยค จำนวน 20 นาย ลงพื้นที่ไปปิดประกาศคำสั่งให้ นายวสันต์ สดใส เจ้าของ “รีสอร์ทแพไทรโยคโฟลทเทล” ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 20 ล้านบาท ในบริเวณแม่น้ำแควน้อย ท้องที่บ้านไทรโยคใหญ่ หมู่ที่ 7 ตำบลไทรโยค อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ให้ทำการเคลื่อนย้ายรีสอร์ทแพดังกล่าว ออกไปให้พ้นจากแม่น้ำแควน้อย ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค ภายใน 30 วัน นับแต่วันติดป้ายประกาศคำสั่งนี้

 

 

สาเหตุการติดป้ายคำสั่งให้เคลื่อนย้าย รีสอร์ทแพดังกล่าว เกิดจากเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2560 อุทยานแห่งชาติไทรโยค ได้ทำการตรวจยึดรีสอร์ทแพดังกล่าวและแจ้งข้อหา นายวสันต์ ในข้อหา “ก่อสร้าง และยึดถือครอบครอง ที่ดิน และแม่น้ำ ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยคโดยมิได้รับอนุญาต” ส่งดำเนินคดี ต่อพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี

 

 

ต่อมาเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2561 อัยการจังหวัดกาญจนบุรี มีคำสั่งไม่ฟ้องนายวสันต์ เพราะขาดเจตนาการกระทำผิด ทำให้คดีอาญายุติไป โดยห้ามมิให้มีการสอบสวนเกี่ยวกับบุคคลนั้นอีก เว้นแต่จะได้พยานหลักฐานใหม่อันสำคัญแก่คดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 147

 

 

 

สำหรับคดีปกครอง ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาให้ นายวสันต์ เคลื่อนย้ายรีสอร์ทแพดังกล่าว ออกไปให้พ้นจากแม่น้ำแควน้อย ในอุทยานแห่งชาติไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี นายวสันต์ ไม่อุทธรณ์ ต่อศาลปกครองสูงสุด คดีถึงที่สุดตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง และศาลปกครองกลางได้มีหนังสือที่ 52/2564 ลงวันที่ 19 พฤษภาคม 2564 รับรองคดีถึงที่สุดในคดีนี้ด้วย

 

 

 

โดย นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า ถึงแม้ในคดีนี้อัยการจังหวัดกาญจนบุรี จะมีคำสั่งไม่ฟ้อง นายวสันต์ เพราะขาดเจตนากระทำผิดก็ตาม แต่รีสอร์ทแพดังกล่าวก็ยังอยู่ในแม่น้ำแควน้อย ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค ประกอบกับศาลปกครองกลางก็ได้มีคำพิพากษาให้ นายวสันต์ เคลื่อนย้ายรีสอร์ทแพออกไปให้พ้นแม่น้ำแควน้อยในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค

 

 

นายสมเจตน์ จันทนา หัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค จึงมีอำนาจในการประกาศคำสั่งให้ นายวสันต์ เคลื่อนย้ายรีสอร์ทแพดังกล่าวไปให้พ้นจากแม่น้ำแควน้อยในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยคได้ และหาก นายวสันต์ ดื้อดึงไม่ทำการเคลื่อนย้ายรีสอร์ทแพดังกล่าวภายใน 30 วันแล้ว ทางหัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค จะเข้าเคลื่อนย้ายรีสอร์ทแพดังกล่าวด้วยตนเอง และ นายวสันต์ จะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนย้าย รีสอร์ทแพดังกล่าวให้กับทางราชการเป็นจำนวนเงิน 5 แสนบาทอีกด้วย

 

 

“หวังว่า นายวสันต์ คงจะเคลื่อนย้ายรีสอร์ท แพดังกล่าวให้หมดด้วยตนเอง เพราะการดื้อดึงไม่เคลื่อนย้ายอาจจะมีความผิด ตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 ฉบับใหม่ ตามมาตรา 35 (1) ซึ่งบัญญัติไว้ว่าหากมีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงาน ที่สั่งให้บุคคลออกจากอุทยานแห่งชาติ หรือให้งดเว้นการกระทำใดๆ หรือให้เคลื่อนย้ายสิ่งของออกจากอุทยานแห่งชาติ หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานแล้วต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และบุคคลนั้นยังต้องระวางโทษปรับรายวันอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาท จนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง”

 

 

นอกจากนี้อาจมีความผิด ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (15) เป็นความผิดเกี่ยวกับการแสวงหาประโยชน์ จากทรัพยากรธรรมชาติ โดยมิชอบด้วยกฎหมาย อันมีลักษณะเป็นการค้า ซึ่งจะต้องถูกพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ยึดทรัพย์สิน ต่อไปด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง