BM ฟรีโซนกดต้นทุนลด ออเดอร์พรึ่บ-งบQ3 ฟื้น
BM ส่งสัญญาณผลงานไตรมาส 3/2566 ฟื้นชัด ออเดอร์รอส่งมอบเพียบ พร้อมรับปัจจัยบวกโรงงานฟรีโซน กดต้นทุนลด แถมบริหารสต๊อกได้ดีขึ้น ด้านผู้บริหาร “ธีรวัต อมรธาตรี” ย่องเจรจาพาร์ตเนอร์จีน ชูธงยอดขายแตะ 1.6 พันล้านบาท
นายธีรวัต อมรธาตรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกชีทเม็ททัล จำกัด (มหาชน) หรือ BM เปิดเผยว่า คาดทิศทางธุรกิจไตรมาส 3/2566 จะดีกว่าไตรมาส 2/2566 เพราะบริษัทเร่งบริหารจัดการสต๊อกให้มีประสิทธิภาพ อีกทั้งบริษัทมีคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ส่งออกเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยมีออดอร์รอส่งถึง 120-200 ตู้คอนเทนเนอร์ หรือเฉลี่ยอยู่ที่ 100 ล้านบาทต่อเดือน
** งบ Q3 ฟื้นคืนชีพ
ขณะเดียวกันคาดทิศทางผลประกอบการไตรมาส 3/2566 จะฟื้นตัว หรือพลิกมีกำไรจากไตรมาส 2/2566 บริษัทที่ขาดทุน 8.05 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทเร่งบริการจัดการสต๊อกให้ดีขึ้น และควบคุมต้นทุนการผลิต คาดจะเห็นผลประกอบการกลับมาฟื้นตัวชัดในไตรมาส 3/2566 เป็นต้นไป
อีกปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้บริษัทมีต้นทุนลดลงชัดเจน คือโรงงานปลอดภาษี (Free Zone) ปัจจุบันจัดการเรื่องโรงงานเรียบร้อยแล้ว และนำวัตถุดิบปลอดภาษีเข้ามาผลิตได้แล้วบางส่วน แม้ยังนำเข้ามาได้ไม่มาก แต่เชื่อว่าต้นทุนผลิตจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และจะทำให้อัตรากำไร (มาร์จิ้น) โดยรวมกลับมาดูดีขึ้นอย่างแน่นอน
สำหรับทิศทางออเดอร์มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบการจีนเข้ามาลงทุนเปิดโรงงานในไทยค่อนข้างมาก เพื่อผลิตสินค้าและส่งออกไปยังอเมริกา ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับพาร์ตเนอร์จีนหลายราย คาดจะได้ข้อสรุป และร่วมมือผลิตสินค้าภายในปีนี้
“ตอนนี้เราได้งานเข้ามาเยอะ ทั้งงานในประเทศ ตู้เต่าบินก็มีออเดอร์เข้ามาเยอะขึ้น และงานส่งออกก็ได้ PO เข้ามาเยอะมาก จนเราต้องเพิ่มไลน์ผลิตเพื่อรองรับออเดอร์ที่มีเข้ามา” นายธีรวัต กล่าว
** รายได้ 1.6 พันล.
นายธีรวัต กล่าวต่อว่า บริษัทคาดรายได้รวมปี 2566 จะทำได้ตามเป้า หรือมีรายได้อยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท โดยการเติบโตจะมาจากการส่งออก และการขายสินค้าในประเทศ บริษัทยังจำหน่ายสินค้าให้กลุ่ม B2B หรือหน่วยงานธุรกิจกับหน่วยธุรกิจ เพราะต้องการเจาะฐานลูกค้ากลุ่มครัวเรือนให้มีสัดส่วนมากขึ้น เนื่องจากมีอัตรากำไร(มาร์จิ้น) สูง อย่างไรก็ดีสัดส่วนรายได้จากกลุ่ม B2B มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 58% ส่วนกลุ่มผู้รับเหมาอยู่ที่ 42% จากก่อนหน้านี้บริษัทมีสัดส่วนรายได้กลุ่มผู้รับเหมามากกว่า B2B
ขณะที่การเมืองในประเทศ เริ่มเห็นความชัดเจนจากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ คาดการลงทุนโปรเจ็กต์ขนาดใหญ่ จะเกิดขึ้นในช่วงท้ายปีนี้ และยาวไปถึงปี 2567 โดยปัจจุบันบริษัทยังมีงานในมือ หรือ Backlog ที่ระดับ 500 ล้านบาท