รีเซต

3 วิธีสร้างรายได้แบบ Passive income จาก Bitcoin และคริปโตที่ดีที่สุด

3 วิธีสร้างรายได้แบบ Passive income จาก Bitcoin และคริปโตที่ดีที่สุด
TrueID
16 สิงหาคม 2564 ( 14:04 )
3.4K

เมื่ออุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซีเติบโตเต็มที่ บริการและนวัตกรรมต่างๆ ก็กำลังก่อตัวขึ้นเพื่อให้เราได้รับประโยชน์สูงสุดจากสินทรัพย์ การลงทุนในตลาดคริปโตเริ่มมีให้เลือกหลายหลายมากขึ้นตามการเติบโตของตลาด และเช่นเดียวกับการลงทุนและการออมเงินในตลาดเงินทั่วไป การลงทุนในสินทรัพย์คริปโตที่นั้นย่อมมีมากกว่าแค่การถือเหรียญในระยะยาว นอกจากนี้การลงทุนเพื่อขุดเหรียญนั้นเริ่มมีสัญญาณแสดงว่าวิธีการดังกล่าวนั้นเริ่มให้ผลกำไรที่ไม่น่าพอใจแล้วอีกด้วย ดังนั้นเราจึงขอนำเสนอวิธีการต่อไปนี้เป็นทางเลือกในการลงทุนสำหรับผู้ต้องการที่จะลงทุนในระยะยาวเพื่อการมีรายรับแบบสม่ำเสมอโดยไม่ต้องออกแรงมากนัก  trueID พาไปดูวิธีการลงทุนในบิตคอยน์ หรือคริปโตฯที่ทำให้มีรายได้แบบ Passive income ได้ดีที่สุดมาให้นักลงทุนทุกท่านแล้ว

 

 

1.รับดอกเบี้ยจาก Crypto

 

นำบ้างส่วนของ crypto ของคุณไว้บนแพลตฟอร์มการให้ยืม crypto ก็จะสามารถรับดอกเบี้ยจาก BTC, ETH และเหรียญและโทเค็นอื่น ๆ อีกหลายอย่างโดยการเปิดบัญชีดอกเบี้ยกับบริษัทเช่น Celsius Network หรือ BlockFi 

 

บริษัทที่กล่าวถึงข้างต้นไม่มีระยะเวลาล็อคอัพหรือเงินฝากขั้นต่ำ อย่างไรก็ตาม จำนวนดอกเบี้ยที่คุณได้รับจะแตกต่างกันไปตามจำนวนเหรียญที่คุณมี ตัวอย่างเช่น BlockFi จ่ายและเปอร์เซ็นต์ผลตอบแทนต่อปี 6.2% สำหรับ 0-5 BTC แต่เพียง 2.6% สำหรับทุกอย่างที่มากกว่า 5 BTC

 

หากยังไม่กล้าลงทุนในแบบแรก อีกวิธีหนึ่งในการให้เงินทำงานแทนคุณก็คือการแปลงเงิน fiat ให้เป็น stablecoin เช่น TRUEUSD แทนที่จะเอาเงินไปฝากในธนาคาร เราสามารถรับสูงถึง 10% ต่อปีเลยที่เดียว ยังสามารถออกเงินกู้โดยใช้การเข้ารหัสลับเป็นหลักประกันหากคุณต้องการเข้าถึงธุรกรรม

 

อย่าลืมบริหารความเสี่ยงของเราเองก่อนที่จะคิดเกี่ยวกับการจัดเก็บ crypto ของคุณบนแพลตฟอร์มใดๆ หากกำลังจะเข้าเสี่ยงโดยที่จะไม่มีเงินเย็น อย่างน้อยก็ต้องดูความน่าเชื่อถือของแพลตฟอร์ม และมีนโยบายประกันหรือไม่

 

 

2.การลงทุนในเหรียญที่มี “Proof of stake” 

 

การลงทุนในสินทรัพย์คริปโตซึ่งใช้ระบบดังกล่าวนั้นเป็นเสมือนการลงทุนในการขุดเหรียญ หากแต่ไม่จำเป็นต้องอาศัยพลังการประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร์แต่อย่างใด ซึ่งการลงทุนนั้นทำได้โดยผู้ลงทุนซื่งครอบครองเหรียญดังกล่าววางเหรียญไว้ใน Wallet กองกลางตามแต่เลือกสำหรับการสุ่มเลือกผู้ซึ่งจะได้รับรางวัลจากการประมวลผลบล๊อกข้อมูล เหรียญซึ่งใช้ระบบนี้มีให้เลือกมากมายเช่น Tezos, Dash, Stellar, และ Decred

 

ตัวเลือกอื่นๆในการลงทุนในเหรียญดังกล่าวยังมีอีกมาก เช่นผู้ลงทุนสามารถใช้ Wallet ซึ่งได้เปิดไว้กับ Coinbase หรือ Binance ในการลงทุน Stake เหรียญ Tezos ได้ หรือแม้แต่การที่ผู้ลงทุนสามารถดำเนินการกับเหรียญ XTZ ของตนภายในหน้าแสดงบัญชีได้เลย โดยแลกเปลี่ยนกับการหักค่าดำเนินการเพื่อจ่ายให้กับเหล่า Exchange นั่นเอง

 

นอกจากนี้แล้วการลงทุนแบบ Stake สำหรับเหรียญที่น่าสนใจอย่าง Cardano ซึ่งได้รับการอัพเดทครั้งใหญ่ภายได้โค้ดเนม “Shelley” หรืแแม้แต่ Ethereum ซึ่งอยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบ Proof of stake เช่นเดียวกัน

 

อย่างที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ การทำความเข้าใจกับตัวเลือกการลงทุนเป็นสิ่งที่สำคัญ ซึ่งในการลงทุนแบบ Stake นี้ ผู้ลงทุนควรพิจารณาอัตราผลตอบแทนในขณะที่ลงทุนหรือ ROIs รวมทั้งกรอบเวลาในการลงทุน-ถอนการลงทุนให้ชัดเจนสำหรับเหรียญแต่ละตัว ซึ่งในรูปแบบนี้ผู้ลงทุนสามารถเลือกละหว่างการรอรับเงินปันผลสำหรับกองเหรียญแต่ละกอง หรือเลือกที่จะมีโอกาสเป็นผู้ได้รับเลือกในการประมวลผลบล๊อกข้อมูลได้อีกด้วย

 

 

3.ให้ยืมสินทรัพย์คริปโตที่เราถือครอง

 

คุณสามารถดำเนินการให้ผู้อื่นกู้ยืมสินทรัพย์คริปโตที่คุณถือครองอยู่ได้ หากแต่ต้องดำเนินการผ่านผู้ให้บริการสำหรับการจับคู่ระหว่างผู้ให้กู้และผู้ซึ่งต้องการกู้เป็นรายบุคคล หรือที่เรียกกว่า peer-to-peer lending ตัวอย่างผู้ให้บริการเช่น CoinLoan ซึ่งให้ผลตอบแทนการให้กู้ยืมสูงสุดถึง 12% หรือแม้แต่ทางบริษัท Binance ผ่านบริการ Binance Lending ในการสร้างดอกเบี้ยเป็นผลตอบแทนได้อีกด้วย

 

ในการให้กูยืมนั้นผู้ลงทุนย่อมสามารถที่จะเลือกช่วงเวลาสำหรับการจำกัดการถอนสินทรัพย์ที่ให้กู้คืนได้ตั้งแต่เจ็ดวันไปจนถึงสามปี รวมไปถึงปริมาณสินทรัพย์ที่จะลงได้อีกด้วย ซึ่งตัวอย่างการลงทุนอย่างการให้กู้เป็น ETH นั้น ผู้ลงทุน 35 เหรียญในช่วงระยะเวลา 6 เดือนนั้นจะได้รับผลตอบแทนเป็นเหรียญ ETH จำนวน 2.1 เหรียญ เป็นต้น

 

บริษัท Bifinex นั้นยังเปิดให้บริการสำหรับการให้บุคคลอื่นกู้ยืมดังกล่าว โดยรองรับสกุลเงินคริปโตกว่า 24 สกุล ตัวอย่างเช่น BTC, EOS, NEO, ETH, และ DASH เป็นต้น โดยมีอัตราผลตอบแทนดีที่สุดที่ 0.02% ต่อวันคิดเป็นอัตรา 7% ต่อปีนั่นเอง โดยส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนในช่วงระยะเวลาสั้นๆเนื่องจากผู้ลงทุนสามารถลงทุนดังกล่าวภายในกรอบเวลาสูงสุด 30 วันเท่านั้น

 

เพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์สูงสุดของนักลงทุนแล้ว ผู้ลงทุนทุกคนควรที่จะศึกษาตัวเลือกการลงทุนของตัวเองให้ถี่ถ้วนก่อนการลงทุนทุกครั้ง เนื่องจากตัวเลือกแต่ละอย่างอาจไม่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนทุกคน และหากผู้ลงทุนยังคงไม่มันใจในตัวผู้ให้บริการ ทางเลือกที่ดีที่สุดก็คงจะหนี้ไม่พ้นการถือเหรียญไว้ในระยะยาวด้วยตนเองอย่างแน่นอน

 

ที่มา : Bitcoinist 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง