บิทคอยน์ : ทำความรู้จัก Staking การลงทุนเพื่อสร้าง Passive income แบบใหม่
ปัจจุบันทางเลือกในการลงทุน เช่น การสะสม Bitcoin นับเป็นการลงทุนอีกแบบที่กำลังได้รับการสนใจ ทำให้เราสามารถกระจายความเสี่ยงได้อีกทางหนึ่ง นอกจากการสะสม Bitcoin แล้ว ยังมีวิธีการออมเหรียญคริปโตในแบบอื่นก็น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง และในวันนี้ trueID จะพาไปรู้จักการ Staking ว่าสามารถทำได้อย่างไร และมีข้อดี-ข้อเสีย อย่างไรให้ทุกท่าน ได้ทราบกัน
การ Staking เหรียญคริปโตคืออะไร ?
การ Stake เหรียญโดยปกติแล้วคือการที่นักลงทุนคริปโตนำเอาเหรียญของพวกเขาไป “ล็อค” เก็บไว้ในอัลกอริทึ่ม consensus ที่เรียกว่า Proof-of-stake (PoS)
ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเครือข่าย Blockchain ของเหรียญที่ใช้อัลกอริทึ่ม PoS ดังกล่าวนี้จะอนุญาตให้นักลงทุนที่นำเหรียญเข้ามา Stake นั้นสามารถมีสิทธิ์ในการเข้าร่วมโหวตทิศทางในการพัฒนาของเหรียญนั้น ๆ ได้ (คล้าย ๆ กับการลงเงินเข้ามาในหุ้น และผู้ลงทุนมีสิทธิ์ที่จะโหวตในที่ประชุมของบริษัท)
และด้วยการที่นักลงทุนทำการ stake เหรียญนั้น ๆ ไว้ เหรียญดังกล่าวก็จะถูกล็อคไว้ โอนออกไปไปไหนไม่ได้ และนักลงทุนที่ stake เหรียญนั้น ๆ ก็จะได้เหรียญเพิ่มขึ้น เป็นรางวัลตอบแทน หรือเรียกง่ายๆ ว่า “เป็นวิธีการตรวจที่เราวางเงินค้ำประกันและมาเข้ามามีร่วมเป็นผู้ตรวจสอบเครือข่ายนั่นเอง”
วิธีการคือ ขั้นแรกเราต้องมีเหรียญหรือโทเค็นที่จะทำการ Stake (Hybrid PoW & PoS ก็ได้) โดยการนำเหรียญของตัวเองทำ Proof-of-stake (PoS) นั้นคุณสามารถเลือกทำได้หลายวิธี อาทิเช่น การเลือกฝากเหรียญในกระเป๋าเงิน Wallet หรือ Exchange ที่รองรับการ Stake, เข้าร่วม Pool ที่รองรับการทำ node, การสร้าง Node ด้วยเหรียญของตัวเองเป็นต้น
หากจะให้คำจำกัดความง่าย ๆ ของการ Staking ก็คงต้องบอกว่าคล้าย ๆ กับการฝากเงินประจำของธนาคารหรือก็คือ การเก็บเหรียญไว้ใน Platform ต่าง ๆ ตามเงื่อนไขของ Platform นั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นกระดานแลกเปลี่ยน (Exchange) หรือกระเป๋าเงินดิจิทัล (Wallet) ค่ายต่าง ๆ ซึ่งแต่ละ Platform ก็จะสร้างเงื่อนไขเพื่อดึงดูดให้ชาวคริปโตสนใจด้วยการมอบอัตราผลตอบแทน หรือ Reward ที่มีลักษณะแตกต่างกันออกไป
การ Staking อาจไม่สร้างความร่ำรวยให้นักลงทุนเพียงชั่วข้ามคืน แต่เป็นวิธีที่ดีในการสร้างรายได้แบบ Passive income ให้กับนักลงทุน การ Staking จะช่วยให้คุณสามารถสร้างรายได้จากการถือครองสกุลเงินดิจิทัลในขณะที่นอนหลับ (อย่างไรก็ตามเราควรต้องศึกษาเงื่อนไขของการ Staking ของแต่ละ Platformให้ละเอียดก่อนดำเนินการ)
ข้อดีของ Staking
- เหมาะกับผู้ที่เพิ่งเริ่มเข้ามาเรียนรู้เข้ามาในโลกของ Cryptocurrency อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า คุณแทบจะไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากศึกษาเงื่อนไข และรายละเอียดในการ Staking เพราะหากคุณต้องการทำกำไรจากการเทรด คุณต้องมีประสบการณ์พอสมควร และมีความเสี่ยงที่สูงกว่า
- ได้รับผลตอบแทนหรือดอกเบี้ยที่อัตราที่ค่อนข้างดี และคงที่ สม่ำเสมอ
ข้อด้อยของ Staking
- ด้วยความผันผวนของราคา Cryptocurrency และเงื่อนไขของการ Staking ใน Platform ต่างๆ นั้นมักจะให้ฝากเหรียญในช่วงเวลาหนึ่ง แต่หากช่วงเวลานั้นราคาของเหรียญอาจเพิ่มสูงขึ้น หรือลดลงอย่างมาก คุณอาจเสียโอกาสในการขายเพื่อป้องกันการขาดทุน หรือขายในช่วงที่ราคาพุ่งสูงขึ้นเพื่อทำกำไรได้
- Platform ต่าง ๆ ที่นักลงทุนทำการฝากเหรียญไว้นั้น มีความเสี่ยงที่จะถูกแฮกเกอร์โจมตี และขโมยเหรียญของคุณได้ตลอดเวลา
การ Stake เหรียญบนกระเป๋า Wallet
นักลงทุนเหรียญ cryptocurrency นั้นสามารถที่จะเก็บเหรียญของพวกเขาเอาไว้ในกระเป๋า wallet ที่ถูกตั้งไว้เพื่อการ staking ได้ อีกทั้งยังสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในสิทธิ์ที่กล่าวไว้ข้างต้น โดยปกติแล้วรูปแบบนี้มักจะมีให้เห็นใน pool ขุดเหรียญเป็นส่วนใหญ่ แต่ทว่ากระเป๋า wallet เก็บเหรียญบางตัวนั้นก็สามารถที่จะถูกนำมาใช้เพื่อการ staking ได้เช่นกัน
Ledger
กระเป๋าเก็บเหรียญคริปโตแบบ Hardware ชื่อดัง Ledger นี้ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่นิยมมากที่สุดในหมู่นักลงทุน cryptocurrency โดยกระเป๋าดังกล่าวนั้นมีตัวเลือกด้านการ staking ให้เลือกทั้งหมดสองแบบ แบบแรกคือการใช้ Ledger Live หรือจะใช้แอพ wallet อื่น ๆ ในการ stake
ตัวเลือกแรกนั้น ผู้ใช้งานจะต้องทำการติดตั้งแอพบนอุปกรณ์ Ledger เสียก่อน จากนั้นก็ให้ไปสร้างบัญชีผู้ใช้งานบน Ledger Live โดยภายหลังจากนั้นระบบก็จะทำการเคลื่อนย้ายเหรียญให้ และขั้นตอนการ staking ก็จะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ
ส่วนตัวเลือกที่สองนั้นจะทำงานแบบใกล้เคียงกัน แต่ว่าภายหลังจากที่ติดตั้งแอพ Ledger Live แล้วนั้น ผู้ใช้งานจะต้องเลือก Wallet อื่น ๆ มาเพื่อใช้ในการจัดการเหรียญ โดยภายหลังจากนั้น เหรียญก็จะถูกโอนไป และขั้นตอนการ staking ก็จะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ
มือใหม่นั้นควรจะทราบว่า Ledger นั้นถือเป็นอุปกรณ์ hardware ที่สามารถใช้เพื่อเก็บเหรียญและสามารถถูกตัดขาดจากอินเตอร์เนทได้ ดังนั้นมันจึงถูกพิจารณาว่าเป็นตัวเลือกที่ค่อนข้างมีความปลอดภัยสูงมาก
โดยอ้างอิงจากหัวหน้าฝ่ายการตลาดของ Ledger นาง Mattia Sarfati นั้น เธอกล่าวว่า “ตอนนี้คุณสามารถ stake ได้แค่เหรียญ Tezos บน Ledger live เท่านั้น”
Exodus
Exodus ถือเป็นกระเป๋า wallet ที่เก็บเหรียญได้หลายเหรียญตัวหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากไม่แพ้กันเช่นกัน โดยมีให้ใช้งานทั้งบนเครื่องคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ นอกจากนี้แอพดังกล่าวยังถูกนำไปใช้เชื่อมต่อกับ hardware wallet อีกเจ้าหนึ่งอย่าง Trezor ได้อีกด้วย
กระเป๋าของ Exodus นั้นจะให้ผู้ใช้งานสามารถเปิดใช้งานตัวเลือก staking ได้ โดยตัวเลือกดังกล่าวนั้นมีขึ้นหลังจากที่ทาง Exodus เข้าไปจับมือกับ Switchainโดยพวกเขานั้นเป็นผู้ให้บริการด้าน API สำหรับการ stake ที่นำไปใช้กับ wallet อื่น ๆ ได้
ที่น่าสนใจคือบริการของ Switchain นั้นถูกออกแบบมาเพื่อใช้เก็บข้อมูลของผู้ใช้งานเท่านั้น แต่จะไม่เก็บเหรียญของผู้ใช้งาน นั่นหมายความว่าผู้ใช้งานจะเป็นผู้ถือเหรียญเอง และจะมีความปลอดภัยจากการถูกขโมยมากขึ้น
ส่วนกระเป๋า Exodus นั้นก็จะเปิดให้ผู้ใช้สามารถแลกเปลี่ยนเหรียญได้บนแพลทฟอร์มอีกด้วย ซึ่งขั้นตอนดังกล่าวนั้นจะถูกทำเสร็จอย่างรวดเร็วในระดับไม่กี่นาทีเท่านั้น
ในขณะนี้ กระเป๋า Exodus นั้นเปิดให้ stake เฉพาะเหรียญ Ontology และ NEO เท่านั้น ส่วนเหรียญอื่น ๆ นั้นคงต้องรอดูกันต่อไป
Atomic Wallet
Atomic Wallet นั้นเป็นอีกหนึ่งกระเป๋าเก็บ Bitcoin และเหรียญอื่น ๆ ที่ดีไม่แพ้กัน โดยมันรองรับทั้งระบบปฏิบัติการ Windows, macOS, Ubuntu, Debian และ Fedora รวมถึงบนโทรศัพท์มือถืออย่าง Android และ iOS อีกด้วย
สำหรับผู้ที่ต้องการจะทำการ stake บนกระเป๋าดังกล่าวนั้น จะต้องทำการโอนเหรียญไปยัง address ที่ทาง wallet ให้มา และเมื่อผู้ stake ได้รับรางวัลมาแล้วนั้น พวกเขาสามารถนำมันไปแลกเป็นเงินจริง หรือเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ ได้อีกด้วย
ปัจจุบัน Atomic Wallet นั้นเปิดให้ stake เหรียญคริปโตอย่าง Tezos, Cosmos, NEO, VeChain และ Ontology เท่านั้น
Trust Wallet
Trust Wallet เป็นกระเป๋าเก็บเหรียญที่รองรับคริปโตหลาย ๆ เหรียญที่มีความปลอดภัยสูง โดยมันสามารถถูกติดตั้งลงบนโทรศัพท์มือถือ Android และ iOS ได้ ก่อนหน้านี้เว็บกระดานซื้อขายคริปโตระดับโลกอย่าง Binance ได้เข้าซื้อกิจการของ Trust Wallet เมื่อปีที่ผ่านมา โดยมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งานเว็บเทรดของพวกเขาที่ปัจจุบันนั้นเพ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
ขั้นตอนในการเปิดใช้งานระบบ stake บน Trust Wallet นั้นก็ไม่ต่างจากของกระเป๋าอื่น ๆ มากนัก โดยสิ่งที่ผู้ใช้งานต้องทำก็แค่ดาวน์โหลดแอพดังกล่าวมา และส่งเหรียญคริปโตไปยัง address ที่ทาง wallet กำหนดมาให้ และขั้นตอนการ stake ก็จะเริ่มต้นขึ้น
Trust Wallet นั้นเปิดให้ผู้ใช้งาน stake เหรียญค่อนข้างเยอะพอสมควร โดยประกอบไปด้วย VeChain, TRON, Callisto, TomoChain, Tezos, Cosmos, IoTeX, Algorand และยังมีเหรียญอื่น ๆ อีกมากมายที่จะมาในเร็ว ๆ นี้
เว็บให้บริการเทรดเหรียญคริปโตในประเทศไทย
เว็บให้บริการเทรดเหรียญคริปโตนั้นก็เริ่มเปิดให้ผู้ใช้งานเข้ามา stake ได้แล้วเหมือนกัน โดยหนึ่งในนั้นก็คือเว็บเทรดคริปโตฝีมือชาวไทยอย่างเช่น Satang Pro ที่เปิดให้ stake เหรียญ Zcoin
ข้อมูลข่าว : siamblockchain , Cryptonews , binance