เปิดโผ 6 หุ้นกลาง-เล็กกำไรแจ่มน่าซื้อ รับตลาดผันผวนกังวลล็อกดาวน์

กระแสหุ้นขนาดกลาง-เล็กกำลังได้รับความสนใจจากนักลงทุน เพราะหุ้นขนาดใหญ่เริ่มมีข้อจำกัดด้าน Valuation และอ่อนไหวตามดัชนีฯ ซึ่งมีความกังวลเกี่ยวกับการระบาดโควิด-19 คอยกดดันอยู่ แต่หุ้นขนาดกลาง-เล็ก ซึ่งมีปัจจัยเฉพาะตัวทั้งในแง่ราคาหุ้นและการเติบโตของผลประกอบการ มักจะไม่อ่อนไหวตามดัชนีฯ โดยพบว่ามี 6 บริษัทที่น่าสนใจดังนี้

 6 บจ.ราคาหุ้นปี 64 วิ่ง 32-100% สูงสุด 135%

  บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ขนาดกลาง - เล็ก 6 บริษัท ที่ผลตอบแทนราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปีถึง 6 ก.ค.64 (YTD) ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 30% สูงสุด 135%  ประกอบด้วย

6 บจ.ดังกล่าว มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalizationl) ณ 6 ก.ค.64 ตั้งแต่ 1,308 - 33,880 ล้านบาท โดยจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จำนวน 4 บริษัท อยู่ในกลุ่มธุรกิจ โลจิสติกส์, วัสดุก่อสร้าง, อสังหาริมทรัพย์ และ สินค้าอุปโภคบริโภค ขณะที่มี 2 บริษัทจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) กลุ่มธุรกิจ พาณิชย์ และ บริการ

โดยราคาหุ้น YTD ของ 6 บจ.ข้างต้นปรับตัวเพิ่มขึ้นระดับ 32-100% ขณะเดียวกันระหว่างปีราคาหุ้นเคยปรับตัวขึ้นไปสูงสุดระดับ 47 - 135%

บมจ.ไวส์ โลจิสติกส์ (WICE) ให้ผลตอบแทนสูงสุด โดยราคาปิด 30 ธ.ค.63 อยู่ที่ 4.9 บาท ขณะที่ราคาปิดล่าสุด (6 ก.ค.64) อยู่ที่ 9.8 บาท เพิ่มขึ้น 4.9 บาท หรือ 100% ขณะที่เคยขึ้นไปทำจุดสูงสุดของปีที่ 11.5 บาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 135% จากสิ้นปี 63 โดยปัจจุบันมีมาร์เก็ตแคปที่ 6,388.62 ล้านบาท

บมจ.อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป (EPG) ซึ่งมีมาร์เก็ตแคปสูงสุดในกลุ่มนี้ระดับ 33,880 ล้านบาท ราคาล่าสุดอยู่ที่ 12.1 บาท เพิ่มขึ้น 70%YTD และขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 12.7 บาท หรือเพิ่มขึ้น 79% จากสิ้นปี 63

บมจ.อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค (ECF) เป็นหุ้น mai ที่ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดในกลุ่มนี้ โดยล่าสุดอยู่ที่ 1.87 บาท เพิ่มขึ้น 41%YTD และเคยขึ้นไปสูงสุดของปีที่ 2.4 บาท หรือเพิ่มขึ้น 80% จากสิ้นปี 63 ปัจจุบันมีมาร์เก็ตแคป 1,794.24 ล้านบาท

บมจ. เอทีพี 30 (ATP30) ซึ่งมีมาร์เก็ตแคปต่ำสุดในกลุ่มที่ 852.89 ล้านบาท ราคาล่าสุดอยู่ที่ 1.25 บาท เพิ่มขึ้น 32%YTD เคยขึ้นไปสูงสุด 1.4 บาท หรือเพิ่มขึ้น 47%YTD

ขณะที่เมื่อสำรวจงบการเงินของ 6 บจ.ข้างต้นพบว่าส่วนใหญ่กำไรสุทธิไตรมาส 1/64 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ดังนี้

ทั้งนี้มี 4 บริษัทที่กำไรสุทธิไตรมาส 1/64 เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนระดับ 5-201% โดย บมจ.ไรมอน แลนด์ (RML) มีอัตราการเติบโตสูงสุดถึง 201% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งสามารถพลิกเป็นกำไรถึง 138.3 ล้านบาท จากไตรมาส 1/63 ขาดทุน 136.59 ล้านบาท

ส่วน บมจ.ไวส์ โลจิสติกส์ (WICE) ซึ่งกำไรไตรมาส 1/64 เติบโต 170% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และตั้งแต่ไตรมาส 1/63 เป็นต้นมากำไรสุทธิเติบโตทุกไตรมาส สะท้อนว่าไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เลย ขณะที่กำไรสุทธิปี 63 ที่ระดับ 201.08 ล้านบาท ยังเป็นสถิติสูงสุดตลอดกาล (All time high)

เช่นเดียวกับ บมจ. เอทีพี 30 (ATP30) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งธุรกิจกลุ่มโลจิสติกส์ กำไรสุทธิไตรมาส 1/64 ก็เติบโตถึง 80% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 

ฟาก บมจ.อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป (EPG) ที่รายงานงบปี 63/64 (สิ้นสุด มี.ค.) มีกำไรสุทธิระดับ 1,218.89 ล้านบาท เติบโตถึง 22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 

อย่างไรก็ตาม บมจ.อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค (ECF) เป็นบริษัทเดียวที่กำไรสุทธิไตรมาส 1 ปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เมื่อดูงบปี 61-63 พบว่า กำไรสุทธิเติบโตขึ้นทุกปีที่ 33.76 ล้านบาท, 40.29 ล้านบาท และ 41.16 ล้านบาท ตามลำดับ

ข้อมูล : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 

ที่มา : บริษัท เวิร์คลิงค์ ดา เอเจนซี่ จำกัด