รีเซต

จากสหรัฐฯ ถึงจีน มหาอำนาจขยับบทบาท ตัวกลางคลี่คลายความขัดแย้งไทย–กัมพูชา

จากสหรัฐฯ ถึงจีน มหาอำนาจขยับบทบาท ตัวกลางคลี่คลายความขัดแย้งไทย–กัมพูชา
TNN ช่อง16
19 ธันวาคม 2568 ( 13:39 )
21

ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ที่ยืดเยื้อต่อเนื่อง แม้จะมีภาพประวัติศาสตร์ของการเจรจาสันติภาพ และได้ผู้นำมาเลเซีย ประธานอาเซียนอย่าง นายกฯ อันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซีย และ ปธน. สหรัฐฯ อย่าง โดนัล ทรัมป์ ต่อสาย และร่วมลงนามเจรจาสันติภาพไปแล้ว แต่ก็ดูจะยังไม่สามารถสงบศึกได้ 

จนล่าสุด ถึงคิวของจีน ที่เริ่มเข้ามาร่วมเป็นตัวกลางเจรจา และขอให้ความขัดแย้งยุติ จีนทำอะไรบ้าง และที่ผ่านมามหาอำนาจเข้ามามีบทบาทเป็นตัวกลางอย่างไรบ้าง ? 


มหาอำนาจช่วยเจรจาสันติภาพอย่างไร ? 

สำหรับกรณีไทย-กัมพูชานั้น ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม เราได้เห็น ปธน.สหรัฐฯ โทรหาผู้นำไทย ซึ่งขณะนั้นคือ รักษาการนายกรัฐมนตรีภูมิธรรม เวชยชัย และฮุน มาเนต นายกฯ กัมพูชาให้ยุติความขัดแย้ง โดยทั้งสองก็แสดงท่าทีสนับสนุนทรัมป์ ตกลงจะพบกันหารือข้อตกลงหยุดยิง เพื่อกลับสู่การเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ด้วย 

หลังจากนั้น ในการเดินทางมาเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ที่ประเทศมาเลเซีย เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เขายังได้เสนอตัวเป็นประธานพิธีลงนามข้อตกลงสันติภาพระหว่างไทย-กัมพูชาด้วย 

แต่ภายหลัง เมื่อการปะทะเกิดขึ้นอีกครั้ง ความพยายามของสหรัฐฯ ในการเข้ามาเจรจา หรือเป็นตัวกลางอีกครั้ง เริ่มถูกแข็งข้อจากผู้นำไทย นายกฯ อนุทิน ชาญวีรกุล ที่แม้ทรัมป์จะประกาศว่าจะโทรหาผู้นำไทย และกัมพูชา ให้หยุดยิง แต่อนุทิน ชี้แจงจุดยืนไทยต่อสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ย้ำว่าไทยไม่ใช่ฝ่ายเริ่ม และใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล เรียกร้องฝ่ายละเมิดหยุดยิง ถอนกำลัง และเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งตรงข้ามกับโพสต์ของทรัมป์ ที่แจงว่าทั้งสองฝ่ายตกลงจะหยุดยิง 


จีนเข้ามาอาสาเป็นตัวกลางอย่างไร ?

ในขณะที่ไทยเริ่มแสดงท่าทีโต้ตอบข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ ในการหยุดยิง ตัวแทนของจีนก็เริ่มเข้ามามีบทบาท โดยสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยก็ได้โพสต์ข้อความว่า หวัง อี้ สมาชิกกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้โทรศัพท์คุยกับนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยและนายปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศของกัมพูชา โดยหวังว่าทั้งสองประเทศจะคลี่คลายความตึงเครียดและหยุดยิง

โดยหวัง อี้ กล่าวว่า ในฐานะมิตรประเทศและเพื่อนบ้านใกล้ชิดของไทยและกัมพูชา จีนเป็นประเทศที่ไม่อยากเห็นทั้งสองฝ่ายปะทะกันมากที่สุด และเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการเสียชีวิตและบาดเจ็บของประชาชนของทั้งสองประเทศ ความรุนแรงของสถานการณ์การปะทะครั้งนี้เกินกว่าครั้งก่อนๆ มาก และหากยังคงดำเนินต่อไป จะไม่มีประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่ายและบั่นทอนความสามัคคีของอาเซียน ภารกิจเร่งด่วนในปัจจุบันคือต้องมีการตัดสินใจ หยุดยิงโดยเร็วที่สุด ลดความเสียหายให้ทันเวลา และฟื้นฟูความไว้วางใจซึ่งกันและกัน

เช่นเดียวกับโพสต์ของ กัว เจี่ยคุณ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนที่โพสต์ถึงการต่อสายโทรคุยของหวังอี้ กับ รมต.ต่างประเทศของสองประเทศ โดยชี้ว่า จากการพูดคุยทั้งฝ่ายกัมพูชาและไทยแสดงความเต็มใจที่จะลดความตึงเครียดและดําเนินการหยุดยิง

ซึ่งจีนได้สนับสนุนความพยายามในการไกล่เกลี่ยของอาเซียน และส่งทูตพิเศษด้านกิจการเอเชียจากกระทรวงการต่างประเทศไปยังกัมพูชาและไทยเพื่อประสานงานทางการทูต และจีนจะทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อม ฟื้นฟูสันติภาพระหว่างสองประเทศ

ทำไมจีนถึงเข้ามามีบทบาทเป็นตัวกลาง ?

แน่นอนว่าพี่ใหญ่อย่างจีน ที่มักขยายอิทธิพลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับทั้งไทยและกัมพูชา การติดตามความขัดแย้ง ทำให้จีนเข้ามาเป็นตัวกลางการเจรจา 

บทความจาก The Diplomat ชี้เหตุผล 3 ประการที่ทำให้จีนเข้ามามีบทบาท ข้อแรกคือประเด็นด้านเศรษฐกิจ และการลงทุนของจีนในสองประเทศนั้น จะเห็นว่าสงครามที่ยืดเยื้อ ไม่เพียงส่งผลต่อชายแดน แต่กับเศรษฐกิจจีนด้วย ที่ในปี 2024 การค้าทวิภาคีระหว่างจีนและไทยมีมูลค่ารวมประมาณ 115.8 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าปริมาณการค้า 17.8 พันล้านดอลลาร์ของจีนกับกัมพูชาถึงหกเท่า รวมถึงตัวเลขการลงทุน ทำให้เห็นได้ชัดว่าเป็นผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจเชิงกลยุทธ์ของจีนในการสร้างสันติภาพระหว่างสองประเทศ

ประการที่สอง รัฐบาลจีนมีความสัมพันธ์ทางการเมืองที่แน่นแฟ้นกับผู้นําทั้งไทยและกัมพูชา จีนและไทยเพิ่งฉลองครบรอบ 60 ปีของความสัมพันธ์ทางการทูต และความสัมพันธ์ของรัฐบาลจีน กับตระกูลฮุนก็เป็นไปด้วยดีเช่นกัน 

และประการที่ 3 ในมุมมองภูมิรัฐศาสตร์ จีนจําเป็นต้องแข่งขันกับความพยายามในการสร้างสันติภาพของสหรัฐฯ และเพิ่มอิทธิพลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นับตั้งแต่กลับมามีอํานาจ สหรัฐฯ ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้พยายามเป็นผู้ไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างประเทศ 

ในตอนนี้ มหาอำนาจสองประเทศต่างเข้ามามีบทบาท หวังเจรจาสันติภาพแล้ว ซึ่งทั้งจีน และสหรัฐฯ คาดหวังว่าการเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ที่มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 22 ธันวาคมนี้ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งจะมีการพูดคุย เจรจาถึงสันติภาพของชายแดนไทย-กัมพูชานั้น จะเป็นอีกหนึ่งเวที ที่ทั้งไทย-กัมพูชา จะสามารถตกลงกันได้ 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง