งานวิจัยชี้ ”แผ่นดินไหวบนดวงจันทร์” อาจเป็นภัยคุกคามต่อการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ในอนาคต

งานวิจัยล่าสุดโดยทีมนักวิทยาศาสตร์ของสถาบันสมิธโซเนียน (Smithsonian Institution) และมหาวิทยาลัยแมริแลนด์ (University of Maryland) สหรัฐอเมริกา โดยใช้ข้อมูลจากภารกิจอพอลโล 17 ในปี พ.ศ. 2515 พบหลักฐานว่าแผ่นดินไหวบนดวงจันทร์ (Moonquakes) อาจสร้างความเสียหายให้กับที่อยู่อาศัยของมนุษย์บนดวงจันทร์ (Moon bases) ในอนาคตได้
การตั้งถิ่นฐานบนดวงจันทร์ของมนุษย์
การตั้งฐานมนุษย์บนดวงจันทร์ต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่ท้าทายอย่างยิ่ง เริ่มจากสภาพสุญญากาศที่รุนแรงซึ่งไร้อากาศหายใจและไม่สามารถถ่ายเทความร้อนได้ ทำให้พื้นผิวดวงจันทร์เผชิญอุณหภูมิที่แกว่งสุดขั้วตั้งแต่ร้อนจัดในเวลากลางวันไปจนถึงหนาวจัดในเวลากลางคืน
นอกจากนี้ยังมีรังสีคอสมิกและรังสีจากดวงอาทิตย์ที่เข้มข้น ฝุ่นดวงจันทร์ที่มีลักษณะคมและกัดกร่อนทำลายอุปกรณ์เครื่องจักร และส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจเป็นอันตรายต่อสุขภาพมนุษย์
และล่าสุดทีมนักวิทยาศาสตร์ยังเตือนถึงภัยจากแผ่นดินไหวบนดวงจันทร์ (Moonquakes) ซึ่งอาจสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างฐานและอุปกรณ์สำคัญได้ หากไม่มีการออกแบบให้ทนต่อแรงสั่นสะเทือนเหล่านี้ ฐานบนดวงจันทร์ก็อาจไม่ปลอดภัยในระยะยาว
ทำไมต้องศึกษาเรื่องแผ่นดินไหวบนดวงจันทร์อีกครั้ง ?
ที่มาของภาพ
Science Advances
แม้เราจะทราบกันมานานแล้วว่าดวงจันทร์มีการสั่นสะเทือน แต่ข้อมูลที่เรามีนั้นค่อนข้างจำกัด เนื่องจากเครื่องวัดแผ่นดินไหวที่ถูกติดตั้งในภารกิจอะพอลโลถูกปิดไป เพื่อให้เข้าใจกิจกรรมทางธรณีวิทยาของดวงจันทร์อย่างลึกซึ้ง ทีมนักวิจัยจึงต้องหันไปพึ่งพาหลักฐานอื่น ๆ เพื่อตอบคำถามที่ว่า กิจกรรมทางธรณีวิทยาบนดวงจันทร์ยังคงเกิดขึ้นอยู่หรือไม่ และมันเป็นอันตรายต่อภารกิจในอนาคตแค่ไหน?
ที่มาของภาพ
Science Advances
เพื่อตอบคำถามนี้ ทีมวิจัยจึงได้หันไปพิจารณาข้อมูลเก่าจากภารกิจ อะพอลโล 17 (Apollo 17) ซึ่งถูกนำกลับมาเมื่อปี พ.ศ. 2515 โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวอย่างก้อนหินและดินถล่มจากหุบเขาทอรัสลิตโทรว์ (Taurus-Littrow) ซึ่งการวิเคราะห์ในครั้งนี้ไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การวัดความสั่นสะเทือนโดยตรง แต่เป็นการใช้ข้อมูลทางธรณีวิทยาที่จับต้องได้มาเป็นหลักฐาน ซึ่งเป็นวิธีที่แตกต่างออกไปจากเดิมและนำไปสู่การค้นพบที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
ที่มาของภาพ
Science Advances
โดยงานวิจัยชิ้นนี้ได้ตีพิมพ์ในวารสาร Science Advances โดยการนำของ ดร. โทมัส อาร์. วัตเตอร์ส (Dr. Thomas R. Watters) จากสถาบันสมิธโซเนียน ซึ่งการค้นพบนี้ได้เปิดเผยแง่มุมใหม่ของภัยคุกคามที่เราอาจมองข้ามไป และตอกย้ำถึงความจำเป็นในการวางแผนภารกิจอวกาศในอนาคต
หลักฐานจากอดีต สู่ความท้าทายในอนาคต
ที่มาของภาพ
Science Advances
จากข้อมูลที่นักบินอวกาศจาก ภารกิจอะพอลโล 17 (Apollo 17) นำกลับมาเมื่อ พ.ศ. 2515 ที่ หุบเขาเทารัสลิตโทรว์ (Taurus-Littrow) ซึ่งเป็นจุดลงจอดของภารกิจ โดยทีมวิจัยได้วิเคราะห์และสรุปว่าการถล่มเหล่านี้ ไม่ได้เกิดจากอุกกาบาตพุ่งชน แต่เป็นผลมาจากการเคลื่อนตัวของพื้นผิวดวงจันทร์ที่เกิดจากแผ่นดินไหว ซึ่งเกิดขึ้นมานานกว่า 90 ล้านปี
แม้แผ่นดินไหวที่ตรวจพบล่าสุดจะมีขนาดเพียง 3.0 แมกนิจูด ซึ่งถือว่าเบามากเมื่อเทียบกับมาตรฐานบนโลก แต่บนดวงจันทร์ที่ไม่มีชั้นบรรยากาศคอยลดแรงสั่นสะเทือน หากเกิดแผ่นดินไหวตื้นใกล้กับที่อยู่อาศัยของมนุษย์บนดวงจันทร์ (Moon bases) ก็อาจสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างและอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยานลงจอดรุ่นใหม่ที่มีรูปร่างสูงและมีจุดศูนย์ถ่วงสูง ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะโค่นล้มได้ง่าย
ความเสี่ยงและแผนการรับมือ
แม้โอกาสที่จะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงในแต่ละวันจะต่ำมาก ประมาณ 1 ใน 20 ล้าน แต่สำหรับที่อยู่อาศัยของมนุษย์บนดวงจันทร์ (Moon bases) ที่จะตั้งอยู่ถาวร โอกาสจะเพิ่มขึ้นเป็น 1 ใน 5,500 ต่อปี และจะสูงขึ้นไปอีกเมื่อระยะเวลาการตั้งที่อยู่อาศัยของมนุษย์บนดวงจันทร์ (Moon bases) ยาวนานขึ้น
ดร. นิโคลัส ชเมอร์ (Dr. Nicholas Schmerr) ผู้ร่วมวิจัยจากมหาวิทยาลัยแมริแลนด์ (University of Maryland) ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการวางแผนอย่างรอบคอบสำหรับภารกิจในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการอาร์เทมิส (Artemis program) ขององค์การนาซา (NASA) ที่มีเป้าหมายจะส่งมนุษย์กลับไปดวงจันทร์ โดยข้อสรุปสำคัญจากงานวิจัยนี้คือ "อย่าสร้างที่อยู่อาศัยของมนุษย์บนดวงจันทร์ (Moon bases) บนรอยเลื่อนที่เพิ่งเกิดขึ้น" ยิ่งอยู่ห่างจากจุดเสี่ยงเหล่านี้มากเท่าไร ความปลอดภัยก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นเท่านั้น
แม้ข้อมูลในปัจจุบันทีมงานยอมรับว่าข้อมูลที่ใช้อ้างอิงยังมีอยู่อย่างจำกัด แต่ทีมนักวิทยาศาสตร์เชื่อมั่นว่าการสำรวจด้วยดาวเทียมสำรวจดวงจันทร์ที่มีกล้องความละเอียดสูง และการติดตั้งสถานีวัดแผ่นดินไหวใหม่ ๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการอาร์ทิมิส (Artemis program) ในอนาคต จะช่วยเติมเต็มช่องว่างทางความรู้เหล่านั้นและทำให้เราเข้าใจกิจกรรมทางธรณีวิทยาของดวงจันทร์ได้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้การตั้งรกรากบนดวงจันทร์เป็นไปอย่างปลอดภัยและยั่งยืน
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
