ความจริงที่ไม่มีใครบอก ตลาดหุ้นสหรัฐ ขึ้นแรง…เพราะอะไรกันแน่?

#ทันหุ้น-ตลาดหุ้นสหรัฐ ปรับตัวทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ในปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนสำคัญจากการที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณอาจพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือนกันยายน ที่จะถึงนี้ประกอบกับความชัดเจนในนโยบายตอบโต้ภาษีการค้าของสหรัฐ ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นและเคลื่อนย้ายเม็ดเงินกลับเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยง โดยมีหุ้นในกลุ่มปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก
อย่างไรก็ตาม การปรับตัวขึ้นมานี้ยังคงเผชิญกับความเสี่ยง โดยเหตุผลเบื้องหลังการพิจารณาลดดอกเบี้ยของเฟด คือ ความเสี่ยงจากตลาดแรงงานที่เริ่มชะลอตัว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ในระยะถัดไป นอกจากนี้ สหรัฐ ยังเผชิญกับแรงกดดันจากหนี้สาธารณะที่สูงถึง 121% ของ GDP ประกอบกับมูลค่าตลาดที่ค่อนข้างตึงตัว เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต และสัญญาณการหมุนเวียนเม็ดเงินออกจากหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ไปยังหุ้นกลุ่มคุณค่าและกลุ่มวัฏจักร ซึ่งสะท้อนความไม่แน่นอนต่อการเติบโตในอนาคต
จากภาพความขัดแย้งดังกล่าว ทำให้เกิดคำถามว่าแล้วเราจะจัดพอร์ตการลงทุนอย่างไรให้สามารถรับมือกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นได้ในทุกสภาวะ โดยการพึ่งการคาดการณ์ทิศทางตลาดหุ้นเพียงอย่างเดียวอาจไม่ใช่กลยุทธ์ ที่เหมาะสมอีกต่อไปในสถานการณ์เช่นนี้
ดังนั้น เพื่อตอบโจทย์ความท้าทายนี้ แนวคิดการลงทุนที่ได้รับการยอมรับจากนักลงทุนสถาบันทั่วโลกมาตั้งแต่ ปี 1996 กับกลยุทธ์ All Weather ได้กลับมามีความน่าสนใจอีกครั้ง หัวใจสำคัญของกลยุทธ์นี้ไม่ใช่การคาดเดาทิศทางตลาดหุ้นเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการสร้างพอร์ตการลงทุนที่สมดุลและพร้อมรับมือกับทุกสภาวะเศรษฐกิจ โดยกระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภททั่วโลก ซึ่งถูกคัดเลือกมาเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีใน 4 สภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่แตกต่างกัน ได้แก่
• เศรษฐกิจเติบโตและเงินเฟ้อสูง: เน้นลงทุนในหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์
• เศรษฐกิจชะลอตัวและเงินเฟ้อสูง: เหมาะกับการลงทุนในพันธบัตรชดเชยเงินเฟ้อ สินค้าโภคภัณฑ์ และทองคำ
• เศรษฐกิจเติบโตและเงินเฟ้อต่ำ: การลงทุนในหุ้นและพันธบัตร สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดี
• เศรษฐกิจชะลอตัวและเงินเฟ้อต่ำ: สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างพันธบัตรรัฐบาลและทองคำจะมีความโดดเด่น
นับเป็นโอกาสอันดีของนักลงทุนทั่วไป ที่ปัจจุบันสามารถเข้าถึงกลยุทธ์การลงทุนระดับโลกนี้ได้สะดวกยิ่งขึ้น ผ่านกองทุนประเภท Feeder Fund ที่จะนำเงินไปลงทุนในกองทุนหลักในต่างประเทศ ซึ่งบริหารจัดการโดยทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ด้าน ETF มากว่า 40 ปี และใช้โมเดลการลงทุนจากผู้ริเริ่มแนวคิดนี้โดยตรง โดยกองทุนมีนโยบายด้านอัตราแลกเปลี่ยนให้เลือก ทั้งแบบเปิดความเสี่ยง (Unhedged) และแบบป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน (Hedged) เพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างพอร์ตการลงทุนที่แข็งแกร่งและพร้อมสำหรับความท้าทายในระยะยาว
คอลัมน์: How to ลงทุน by MFC
โดย ธิดารัตน์ เจริญวุฒิ
บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน)
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
