รีเซต

จับตาโฟลว์เข้า7พันล. ฟอร์มครม.เร็ว-บาทแข็ง

จับตาโฟลว์เข้า7พันล. ฟอร์มครม.เร็ว-บาทแข็ง
ทันหุ้น
9 กันยายน 2568 ( 08:15 )
27

#ค่าเงินบาท #ฟันด์โฟลว์ #ทันหุ้น - ธปท.ชี้ ค่าเงินบาทปีนี้แข็งขึ้น 7% หลุด 32 บาทต่อดอลลาร์ หนุนฟันด์โฟลว์ไหลเข้าตราสารหนี้ไทย 4.14 พันล้านบาท แถมมีผลบวกการเมืองชัด เปิดสถิติภายใน 1 เดือน ต่างชาติซื้อ 6-7 พันล้านบาท หลังฟอร์มครม.เสร็จเปิดโผหุ้นรับอานิสงส์บาทแข็ง “โรงไฟฟ้า-สายการบิน-สื่อสาร” ชู BGRIM-GPSC GULF-ADVANC-AAV เด่น

ความเคลื่อนไหวค่าเงินบาทวานนี้ (8 ก.ย.68) โดยเปิดที่ 32.10 บาทต่อดอลลาร์  และหลุด 32 บาทต่อดอลลาร์ในช่วงบ่ายและมาอยู่ที่ระดับ 31.816 บาทต่อดอลลาร์ ณ เวลา 17.26 น. มองธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดดอกเบี้ยเร็ว หนุน นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้ไทย 4,144 ล้านบาท

นางสาวพิมพ์พันธ์  เจริญขวัญ  ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปี เงินบาทปรับแข็งค่าขึ้นประมาณ 7% อยู่ในกลุ่มนำเงินสกุลเงินภูมิภาค เป็นผลจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ จากการที่ผู้ร่วมตลาดคาดการณ์ว่าเฟด มีแนวโน้มจะผ่อนคลายมากขึ้น ขณะที่เงินบาทได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมจากราคาทองคำที่ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง

@ลดผลกระทบทองคำต่อค่าบาท

ในระยะถัดไป ตลาดการเงินยังมีความไม่แน่นอนสูง โดย ธปท. ยังคงติดตามสถานการณ์การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิดและเข้าดูแลความผันผวนของค่าเงินเพื่อลดผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ โดย ธปท. อยู่ระหว่างพิจารณาแนวทางการในการลดผลกระทบจากราคาทองคำต่อค่าเงินบาท  ซึ่งภาคเอกชนควรพิจารณาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดการเงิน

@โฟลว์ไหลเข้า 6-7 พันล.

นายสรพล  วีระเมธีกุล  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าทีมกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด  (มหาชน) เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า เม็ดเงินลงทุนของต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) มีโอกาสไหลเข้าตลาดหุ้นไทยเพิ่ม จากปัจจัยการเมืองที่มีความชัดเจนในการเลือกนายกรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งจากสถิติหลังจากที่นายกรัฐมนตรีได้รับการโปรดเกล้าฯ  ฟันด์โฟลว์จะไหลเข้า 6-7 พันล้านบาท ภายใน 1 เดือน  ซึ่งส่วนตัวมีมุมมองทิศทางฟันด์โฟลว์คล้ายกับสถิติดังกล่าว

ส่วนค่าเงินบาทแข็งค่าเกือบหลุด 32 บาท เป็นผลจากสหรัฐรายงานตัวเลขภาคการจ้างงานของสหรัฐเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาออกมาต่ำคาดค่อนข้างมาก  โดยก่อนหน้าคาดไว้ที่ 75,000 ตำแหน่ง แต่รายงานจริงอยู่ที่ 22,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นการจ้างงานที่ต่ำกว่า 100,000 ตำแหน่ง 4 เดือนติดต่อกันแล้ว

โดยอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 4.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี จึงสร้างแรงกดดันให้ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (Dollar Index) อ่อนค่าลงประมาณ 0.7%  จึงสร้างความกังวลว่าประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 16-17 กันยายน 2568  จะเป็นการเปิดทางลงของอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ 100%  และยังมีการคาดการณ์ว่าการปรับลดดอกเบี้ยครั้งนี้จะลด 0.50% ในครั้งเดียว แต่ส่วนตัวเชื่อว่าเฟดจะไม่ลดดอกเบี้ยถึงขนาดนั้น

@โรงไฟฟ้า-สายการบินเด่น

นอกจากนี้ยังเริ่มมีการมองว่าปีหน้าเฟดจะลดดอกเบี้ยมากกว่า 3 ครั้ง จากเดิมที่คาดการณ์ไว้เพียง 1 ครั้ง  โดยหาก Dollar Index ลงมาต่ำกว่า 95 ได้   ก็อาจจะทำให้ค่าเงินบาทหลุด 32 บาทต่อดอลลาร์ได้ อาจจะอยู่ที่  31.50 บาทต่อดอลลาร์ได้ จึงกดดันหุ้นกลุ่มส่งออก

สำหรับหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น  คือกลุ่มโรงไฟฟ้า และสายการบิน โดยหุ้นกลุ่มไฟฟ้าแนะนำ BGRIM GPSC  ส่วนหุ้นสายการบินแนะนำ AAV  ส่วนดัชนีหุ้นไทยระยะสั้นๆ คาดว่าจะแกว่งตัวอยู่ในกรอบแนวต้าน 1,275 จุด และแนวรับที่ 1,240 จุด

@หนุนโฟลว์เข้า

นายกรภัทร  วรเชษฐ์  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ หัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) กล่าวกับ “ทันหุ้น” ว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น โดยหลุด 32 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นปัจจัยจิติวิทยาเชิงบวกให้ฟันด์โฟลว์ไหลเข้า ซึ่งค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น สาเหตุหลักเป็นผลจากแนวโน้มดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ที่กำลังจะปรับลดลง หลังจากตัวเลขภาคแรงงานของสหรัฐ ที่อ่อนแอลง  ซึ่งอัตราการว่างงานที่ 4.3% หากสูงกว่า 4.4% จะยิ่งเพิ่มโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้  ซึ่ง 2 ครั้งจะเป็นแนวโน้มที่เป็นไปได้มากที่สุด การลดดอกเบี้ยของ เฟด นี้จะส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง โดยมองกรอบค่าเงินบาท  32-31.50 บาทต่อดอลลาร์

ส่วนการฟอร์มคณะรัฐมนตรี (ครม.) และการโปรดเกล้าฯ นายกรัฐมนตรีได้ ถือเป็นภาพบวก ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น ซึ่งการมีรัฐบาลในช่วงนี้ถือเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากรัฐบาลใหม่จะเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ เพื่อเยียวยาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบ ช่วยเหลือภาคครัวเรือน และอาจนำไปสู่คะแนนนิยมก่อนการเลือกตั้ง

สำหรับหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็งค่า คือ หุ้นในกลุ่ม ICT  เช่น ADVANC และกลุ่มโรงไฟฟ้า เช่น GULF, GPSC

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง