เปิดหน้าเทรด ลงทุนและเก็งกำไร ตลาดหุ้นไทย

เปิดหน้าเทรด ลงทุนและเก็งกำไร ตลาดหุ้นไทย กับคุณต๋อม ทรงศักดิ์ โทแก้ว นักลงทุนในตลาดหุ้นไทย ผู้มีประสบการณ์กว่า 18 ปี ซึ่งได้แบ่งปันสูตรลับ 4 องค์ประกอบในการปั้นพอร์ตให้เติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งในตลาดหุ้นและตลาดฟิวเจอร์ส
คุณต๋อมเน้นย้ำว่าการลงทุนที่ยั่งยืนต้องอาศัยความรู้ครบ 4 องค์ประกอบ ได้แก่ Valuation (การประเมินมูลค่า), Financial (การวิเคราะห์งบการเงิน), Technical (การวิเคราะห์ทางเทคนิค) และ Money Management (การบริหารจัดการเงินทุน)
เส้นทางการลงทุนของคุณต๋อม:
- จุดเริ่มต้น (ทหารสู่การลงทุน): จากอาชีพทหารที่ต้องการความมั่งคั่ง จึงเริ่มศึกษาการลงทุน โดยได้แรงบันดาลใจจากเพื่อนทหารที่เป็นนักลงทุนมาก่อน
- ช่วงแรก (ตลาดขาขึ้นโดยไร้ความรู้): เริ่มลงทุนในปี 2553 ในช่วงที่ตลาดฟื้นตัวจากวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ตลาดเป็นขาขึ้นทำให้ซื้อตามแล้วได้กำไรเร็ว จึงเข้าใจผิดว่าหุ้นเล่นง่าย
- บทเรียนสำคัญ (วิกฤตปี 2554): ตลาดปรับตัวลงหนักจากเหตุน้ำท่วมใหญ่ ทำให้พอร์ตติดลบ 70-80% จากการซื้อที่ราคาสูงโดยไม่มีความรู้ ประสบการณ์นี้เป็นจุดเปลี่ยนให้ตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษาหาความรู้
- การศึกษาแรก (Technical Analysis): เริ่มต้นจากการศึกษาเทคนิคอล เนื่องจากมีกำแพงความรู้ที่ไม่สูง สามารถเรียนรู้การอ่านกราฟและเส้นค่าเฉลี่ยเพื่อวิเคราะห์แนวโน้ม
กลยุทธ์การเทรด Futures (Set50, Gold Futures): คุณต๋อมใช้ Futures เป็นเครื่องมือหลักในการปั้นพอร์ตในช่วงแรก เนื่องจากมีเลเวอเรจสูงและมีความผันผวนสูง ให้ผลตอบแทนเร็ว
- หน้าเทรดหลัก (70% Price Pattern, 30% Momentum):
- 70% Price Pattern: หัวใจสำคัญคือการอ่านโครงสร้างราคา (Price Pattern) เพื่อระบุแนวโน้ม (ยก High ยก Low สำหรับขาขึ้น หรือ Lower Low Lower High สำหรับขาลง) และ Action ตามรูปแบบแท่งเทียนกลับตัว (เช่น Hammer, Inverted Hammer, Doji)
- 30% Momentum: ใช้ Indicators เช่น RSI (วัดแรงเหวี่ยงของราคา) และ MACD (ยืนยันแนวโน้มราคาจากค่าเฉลี่ย) เพื่อยืนยันว่าโมเมนตัมยังอยู่ในทิศทางเดียวกับเทรนด์หลัก
- Money Management สำหรับ Futures:
- กำหนดความเสี่ยงที่รับได้ต่อการเทรดแต่ละครั้ง (คุณต๋อมรับได้ 20-30%)
- คำนวณจำนวนสัญญาที่จะเข้าตามระยะ Stop Loss ที่กำหนดจากแนวรับ/แนวต้าน
- ก่อนซื้อทุกครั้ง ต้องรู้ว่าจะแพ้เท่าไหร่และชนะจะได้เท่าไหร่
- Big Shot (ตัวอย่างทองคำ): ใช้ทองคำฟิวเจอร์สในการปั้นพอร์ต เนื่องจากมีความผันผวนสูง (เหวี่ยง 100% ต่อวัน) สามารถทำกำไร 100-200% ใน 1-2 เดือน เมื่อได้กำไรจะถอนออกและคงทุนเดิมไว้
- การวิเคราะห์เทรนด์ทองคำ:
- ใช้ Timeframe 4 ชั่วโมง
- ใส่เส้นค่าเฉลี่ย 2 เส้น (WMA 5 และ WMA 25) เพื่อดูการ Cross-over และระบุเทรนด์
- ยืนยันด้วย Price Pattern ว่ามีการยก High/Low ที่สอดคล้องกัน
- การบริหารความเสี่ยงทองคำ: คล้ายกับการเทรด Futures ทั่วไป โดยเน้นการหาแนวรับแนวต้านที่มีนัยสำคัญ (สังเกตจากแท่งเทียนที่มีไส้ยาว แสดงถึงแรงซื้อ/ขายของรายใหญ่)
กลยุทธ์การลงทุนในหุ้น (4 องค์ประกอบ): คุณต๋อมเน้นว่าการลงทุนในหุ้นต้องมีความรู้ครบทุกด้าน เพราะคู่แข่งในตลาดคือสถาบันและกองทุนต่างชาติ
- องค์ประกอบหลัก 4 ส่วน:
- 1. Valuation (30%): การประเมินคุณภาพของบริษัทว่าดี มั่นคง และเติบโตหรือไม่
- 2. Financial (30%): การวัดผลลัพธ์ของบริษัทด้วยตัวเลขงบการเงิน (รายได้, Gross Profit Margin, Net Profit Margin) สิ่งสำคัญคือต้องลงทุนในอนาคต ไม่ใช่ปัจจุบันหรืออดีต ต้องวิเคราะห์แนวโน้มงบประมาณ 2-3 ไตรมาสล่วงหน้า
- AI เป็นเครื่องมือที่ช่วยลดกำแพงความยากในการอ่านรายงาน 56-1 และงบการเงิน ทำให้วิเคราะห์ได้รวดเร็วขึ้น
- 3. Technical (30%):ใช้เทคนิคอลเป็นตัวนำเพื่อหา "Timing" ในการเข้าซื้อ คุณต๋อมจะใช้เทคนิคอลระบุหุ้นที่กำลังจะขึ้นก่อน (โดยใช้เส้นค่าเฉลี่ย 2 เส้น Cross-over) แล้วจึงย้อนกลับไปทำการบ้านเรื่อง Valuation และ Financial ว่ามีปัจจัยรองรับหรือไม่ เพื่อให้การขึ้นของราคามีความเสถียร
- สำหรับหุ้น ใช้เส้นค่าเฉลี่ย, RSI, และ MACD ก็เพียงพอแล้ว
- 4. Money Management (10%):
- สำหรับหุ้น มักจะแบ่งซื้อ 2 ไม้
- ไม้แรก (50%): ซื้อเมื่อมีสัญญาณเข้า เพื่อให้ได้ต้นทุนต่ำ
- ไม้สอง: ซื้อเมื่อราคาทะลุ High ใหม่ เพื่อยืนยันว่าเป็นขาขึ้นจริง (แตกต่างจากแนวคิดการซื้อเมื่อย่อตัว ที่ความลึกของการย่อไม่แน่นอน)
- สำหรับหุ้น มักจะแบ่งซื้อ 2 ไม้
- การ Stop Loss ในหุ้น:
- ใช้ Technical เป็นตัวนำ หากสัญญาณทางเทคนิคเปลี่ยน แสดงว่าอาจมีความผิดปกติ
- กลับไปทบทวนปัจจัยพื้นฐาน (Valuation & Financial) หากพบว่ามีปัญหาและสัญญาณเทคนิคก็เป็น Sell Signal ก็ควรขายออก
- Big Shot (ตัวอย่างหุ้น): ได้กำไร 30-40% ต่อรอบจากหุ้นกลุ่มใหญ่ที่จับต้องได้ เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (CAL-COMP) ที่ราคาประเมินจาก 3 บาทเป็น 6 บาท เนื่องจากมีปัจจัยเรื่องการสร้างโรงงานใหม่หลายแห่ง ที่จะรองรับการเติบโตของรายได้ในอนาคต ซึ่งสอดคล้องกับสัญญาณเทคนิคอลที่ยืนยันการขึ้น
- ประสบการณ์การขาดทุน (ความผิดพลาด):
- ขาดทุนจากการเชื่อนักวิเคราะห์ที่เก่งในตอนนั้น นักวิเคราะห์จะแนะนำหุ้นและให้ราคาเป้าหมาย ซึ่งในตอนแรกก็ถูก แต่เมื่อราคาปรับขึ้นเรื่อยๆ นักวิเคราะห์ก็จะปรับราคาเป้าหมายขึ้นตาม (โดยการปรับค่า P/E)
- นักลงทุนรายย่อยก็จะซื้อตามที่ราคาแพงขึ้นไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่รู้ว่าราคาได้เกินมูลค่าไปแล้ว และเมื่อตลาดเปลี่ยนเป็นขาลง ก็จะติดหุ้น เพราะเชื่อในราคาเป้าหมายที่สูงลิบ
- บทเรียนคือต้องเข้าใจด้วยตัวเอง ไม่ใช่แค่ฟังคำแนะนำ
สรุปปรัชญาการลงทุนและคำแนะนำ:
- ความรู้ทั้ง 4 องค์ประกอบ (Valuation, Financial, Technical, Money Management) เป็นสิ่งที่นักลงทุนทุกคนต้องมีครบ หากขาดไป โอกาสสำเร็จจะยากมาก
- นักลงทุน VI หลายคนอาจขาด Technical แต่จะชดเชยด้วยการ "ถือทนรอ" ให้ราคากลับมา แต่หากเพิ่ม Technical เข้าไป จะเหมือนกับการ "ติดปีก" ทำให้รู้จังหวะ (Timing) ที่เหมาะสมในการลงทุน และสามารถเล่นรอบได้เก่งขึ้น
ช่องทางการติดตาม: สามารถติดตามคุณต๋อมได้ที่เพจ Facebook "Stock Clinic Reversion" ซึ่งจะมีการอัปเดตตลาดหุ้นไทย, TFEX, ทองคำ และการวิเคราะห์หุ้นรายตัวในทุกเช้า (ไม่ใช่การแนะนำหุ้น แต่เป็นการวิเคราะห์แนวโน้ม แนวรับ แนวต้าน)
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
