สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หวังว่าจะส่งดาวเทียม "โฮป" ไปดาวอังคารได้ในเร็ววัน หลังเลื่อนมา 2 ครั้ง

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หวังว่าจะส่งดาวเทียม "โฮป" ไปดาวอังคารได้ในเร็ววัน หลังเลื่อนมา 2 ครั้ง - BBCไทย
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หวังว่าจะสามารถปล่อยจรวดส่งดาวเทียมขึ้นไปยังดาวอังคารได้ในเดือนนี้ หลังจากเลื่อนมาแล้ว 2 ครั้ง เนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้าย
"โฮป" (Hope) คือชื่อของดาวเทียมซึ่งมีน้ำหนัก 1.3 ตัน และมีกำหนดจะถูกส่งขึ้นสู่อวกาศด้วยจรวด เอช-2เอ จากฐานปล่อยจรวดทาเนกาชิมะของญี่ปุ่นช่วงเช้าวันที่ 15 ก.ค. ตามเวลาท้องถิ่น แต่เนื่องด้วยสภาพอากาศที่เลวร้าย ทำให้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ต้องเลื่อนการส่งดาวเทียมออกไป โดยหวังว่าจะขึ้นได้ภายได้เดือนนี้
หากเป็นไปตามกำหนดเดิม คาดว่าดาวเทียมดวงนี้จะเดินทางครอบคลุมระยะทางราว 500 ล้านกิโลเมตรไปถึงดาวอังคารในเดือน ก.พ. 2021 ทันเวลาครบรอบ 50 ปี การสถาปนาสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
- พบ "ทะเลสาบ" ใต้ผืนน้ำแข็งดาวอังคารเป็นครั้งแรก
- อวกาศ : เผยวิธีสร้างอาณานิคมบนดาวอังคารด้วย “ซิลิกาแอโรเจล”
- ดาวอังคารมีคาร์บอนไดออกไซด์ไม่พอให้สร้างชั้นบรรยากาศขึ้นใหม่
โฮปเป็นหนึ่งในสามภารกิจของการเดินทางสู่ดาวอังคารในเดือนนี้ โดยขณะนี้สหรัฐฯ และจีน ต่างก็กำลังเตรียมยานอยู่ในขั้นตอนสุดท้าย
ทำไมยูเออีถึงจะไปดาวอังคาร
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มีประสบการณ์ไม่มากด้านการออกแบบและผลิตยานอวกาศ แต่ก็ยังพยายามที่จะลองทำในสิ่งที่มีเพียง สหรัฐฯ, รัสเซีย, ยุโรป และอินเดีย ทำได้สำเร็จ วิศวกรของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ซึ่งได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญของสหรัฐฯ ได้ผลิตดาวเทียมที่ซับซ้อนได้สำเร็จในเวลาเพียง 6 ปี และเมื่อดาวเทียมนี้เดินทางไปถึงดาวอังคาร คาดว่ามันจะส่งข้อมูลใหม่ทางวิทยาศาสตร์กลับมา เผยให้เห็นรายละเอียดของการทำงานของชั้นบรรยากาศของดาวอังคาร
นักวิทยาศาสตร์คิดว่า มันอาจช่วยทำให้เราเข้าใจได้ดีขึ้นว่า ดาวอังคารสูญเสียอากาศและน้ำจำนวนมากไปได้อย่างไร
ดาวเทียมโฮป เปรียบเหมือนเป็นยานแห่งแรงบันดาลใจ ที่จะช่วยดึงดูดให้คนหนุ่มสาวในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และทั่วภูมิภาคอาหรับหันมาสนใจวิทยาศาสตร์ในโรงเรียนและในการศึกษาระดับสูงขึ้น
ดาวเทียมนี้เป็นหนึ่งในโครงการที่รัฐบาลยูเออีบอกว่า แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของยูเออีที่จะลดการพึ่งพาน้ำมันและแก๊ส โดยหันไปให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจที่ต้องใช้วิทยาการแทน
แต่การเดินทางไปดาวอังคารมีความเสี่ยงสูง ครึ่งหนึ่งของภารกิจที่ถูกส่งไปดาวอังคารล้มเหลว ออมราน ชาริฟ ผู้อำนวยการโครงการโฮป ตระหนักถึงอันตรายเหล่านี้ แต่ยืนกรานว่า การลองทำคือสิ่งที่ถูกต้อง
"นี่คือภารกิจด้านการวิจัยและพัฒนา ใช่ มันอาจจะล้มเหลว" เขากล่าวกับ บีบีซี นิวส์
เขาระบุว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือ ขีดความสามารถและความรู้ที่ยูเออีจะได้จากภารกิจนี้
ยูเออีสร้างโครงการนี้ขึ้นมาอย่างไร
รัฐบาลยูเออีบอกกับคณะทำงานโครงการนี้ว่า ยูเออีไม่สามารถซื้อยานอวกาศมาจากบริษัทต่างชาติขนาดใหญ่ได้ ยูเออีต้องสร้างดาวเทียมเอง ทำให้ต้องร่วมมือกับมหาวิทยาลัยหลายแห่งของสหรัฐฯ ที่มีประสบการณ์ด้านนี้
วิศวกรและนักวิทยาศาสตร์ของทั้งสองชาติ ทำงานร่วมกันในการออกแบบและสร้างระบบของดาวเทียมดวงนี้ และอุปกรณ์ศึกษาดาวอังคารที่นำไปอีก 3 ชิ้น
การสร้างดาวเทียมดวงนี้ ใช้ทั้งห้องปฏิบัติการด้านฟิสิกส์อวกาศและบรรยากาศ (Atmospheric and Space Physics--LASP) ที่มหาวิทยาลัยโคโรลาโด เมืองโบลเดอร์ และศูนย์อวกาศโมฮัมเหม็ดบินราชิด (Mohammed Bin Rashid Space Centre--MBRSC) ในนครดูไบ
เบร็ต แลนดิน วิศวกรระบบอาวุโสของ LASP เชื่อว่า สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์พร้อมแล้วที่จะทำภารกิจใหม่ด้วยตัวเอง หลังจากมีประสบการณ์ตรงในการสร้างดาวเทียมดวงนี้
โฮป จะทำภารกิจทางวิทยาศาสตร์อะไรบ้างที่ดาวอังคาร
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไม่ต้องการทำภารกิจทางวิทยาศาสตร์แบบเดียวกับที่ชาติอื่นทำไปแล้ว พวกเขาจึงไปถามคณะกรรมการที่ปรึกษาของนาซา ที่ชื่อว่า กลุ่มวิเคราะห์โครงการสำรวจดาวอังคาร (Mars Exploration Program Analysis Group--MEPAG) ว่ามีการวิจัยใดบ้างที่ดาวเทียมของยูเออีสามารถทำได้ และจะเป็นประโยชน์เพิ่มเติมจากความรู้เดิมที่มีอยู่แล้ว
คำแนะนำของ MEPAG ได้ช่วยจำกัดกรอบเป้าหมายของโฮป ภารกิจหนึ่งที่ดาวเทียมดวงนี้จะศึกษาคือ พลังงานเคลื่อนย้ายผ่านชั้นบรรยากาศจากชั้นบนลงมาชั้นล่างได้อย่างไร โดยจะศึกษาตลอดทั้งวัน และตลอดทุกฤดูของปี
มันจะแกะรอยฝุ่นที่ลอยอยู่ในอากาศ ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากต่ออุณหภูมิในชั้นบรรยากาศของดาวอังคาร
นอกจากนี้ก็จะดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับอะตอมที่เป็นกลางของไฮโดรเจนและออกซิเจนที่บริเวณจุดสูงสุดของชั้นบรรยากาศด้วย มีการตั้งข้อสงสัยว่าอะตอมเหล่านี้ มีบทบาทสำคัญต่อการกัดเซาะชั้นบรรยากาศของดาวอังคารจากอนุภาคที่ทรงพลังที่ออกมาจากดวงอาทิตย์
เรื่องนี้จะทำให้มีความเข้าใจว่า เหตุใดน้ำส่วนใหญ่บนดาวเคราะห์ดวงนี้จึงเหือดแห้งไปจากเดิมที่เคยมีอยู่
ในการสังเกตการณ์เพื่อเก็บข้อมูลต่าง ๆ ดาวเทียมโฮปจะต้องโคจรรอบดาวอังคารในแนวเส้นศูนย์สูตร ในระยะห่างจากดาวอังคารประมาณ 22,000 กิโลเมตรถึง 44,000 กิโลเมตร
เดวิด เบรน จาก LASP ซึ่งเป็นผู้นำคณะนักวิทยาศาสตร์ในโครงการดาวเทียมโฮป อธิบายว่า "การที่ต้องการเห็นพื้นผิวดาวอังคารอย่างละเอียดในทุกช่วงเวลาของวัน ทำให้วงโคจรต้องใหญ่และเป็นรูปไข่"
เขาบอกว่า การตัดสินใจทำเช่นนั้น จะทำให้ดาวเทียมดวงนี้ไปลอยอยู่เหนือภูเขาไฟโอลิมปัสมอนส์ (Olympus Mons) ภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยจักรวาล ในขณะที่ภูเขาไฟลูกนี้กำลังเปลี่ยนไปตามช่วงเวลาที่แตกต่างกันของวัน นอกจากนี้ก็จะมีบางช่วงที่จะให้ดาวอังคารหมุนวนอยู่ใต้ดาวเทียมดวงนี้ด้วย ซึ่งจะได้ภาพเต็มของดาวอังคาร
มีรัฐมนตรีหญิงเป็นแกนนำ
ผู้นำด้านวิทยาศาสตร์อีกคนในโครงการส่งดาวเทียมโฮปคือ ซาราห์ อัล อามิรี รัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์ขั้นสูงของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
เธอเข้ามาร่วมงานครั้งแรกกับ MBRSC ในฐานะวิศวกรซอฟต์แวร์ นอกจากซาราห์แล้ว ยังมีผู้หญิงจำนวนมากได้ร่วมงานในภารกิจนี้ โดย 34% ของชาวเอมิเรตส์ที่ทำงานในโครงการโฮปคือผู้หญิง ซาราห์บอกว่าที่สำคัญกว่านั้นคือ มีสัดส่วนจำนวนผู้หญิงเท่ากับผู้ชายในระดับผู้นำภารกิจ