บลจ.กสิกรไทย เปย์ปันผล 3 กองทุน FIF 15 มี.ค.นี้
ทันหุ้น - บลจ.กสิกรไทย ปักหมุดจ่ายปันผล 3 กองทุนต่างประเทศ 15 มี.ค.นี้ รวมมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท เผยความผันผวนที่เผชิญเป็นปัจจัยกดดันระยะสั้น ชวนลงทุน K-CHINA K-USXNDQ-A(D) และ K-GA เชื่อยังลงทุนได้จากความแข็งแกร่งภายในประเทศของจีน และแนวโน้มเติบโตในระยะยาวจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทั่วโลกสอดรับ New Normal
นายนาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย เตรียมจ่ายปันผลให้แก่ลูกค้าผู้ถือหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศ จำนวน 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเค ไชน่า หุ้นทุน (K-CHINA) สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2563 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย
กองทุนเปิดเค หุ้นยูเอส ดัชนีเอ็นดีคิว 100-A ชนิดจ่ายเงินปันผล (K-USXNDQ-A(D))สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2563 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 ในอัตรา 0.40 บาทต่อหน่วย และ กองทุนเปิดเค โกลบอล แอลโลเคชั่น (K-GA)สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2563 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย โดยทั้งหมดมีกำหนดจ่ายปันผลพร้อมกันในวันที่ 15 มีนาคม 2564 รวมมูลค่าทั้งสิ้น 521.37 ล้านบาท
นายนาวินกล่าวต่อไปว่า กองทุน K-CHINA เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนผ่านกองทุนหลัก JPMorgan Funds - China Fund, Class JPM China I (acc) - USD ที่เน้นลงทุนหุ้นจีนในทุกตลาดทั่วโลก (All China) ได้แก่ หุ้นจีน A-Share, H-Share และหุ้นจีนที่จดทะเบียนในอเมริกา (ADR) ครอบคลุมทั้งหุ้นเติบโต (Growth) คุณภาพสูง (High Quality) และอยู่ในกลุ่มธุรกิจใหม่ (New Economy) อาทิ Tencent, Alibaba และ Meituan-Dianping โดยกองทุนมีนโยบายจ่ายเงินปันผลปีละไม่เกิน 4 ครั้ง ซึ่งนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนมีการจ่ายปันผลรวมทั้งสิ้น 21 ครั้ง เป็นเงิน 5.25 บาท และมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) เฉลี่ยอยู่ที่ 3.32% ต่อปี
ทั้งนี้ แม้ว่าหุ้นจีนเผชิญกับความผันผวนจากปัจจัยกดดันระยะสั้น ทำให้ปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมา บลจ.กสิกรไทย ยังคงแนะนำให้เข้าลงทุนในกองทุน K-CHINA ได้ เนื่องจากจีนยังมีการบริโภคภายในประเทศที่แข็งแกร่ง รวมถึงนโยบายการเงินและการคลังของจีนมีความเข้มงวดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป (Policy Normalization) ซึ่งสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนในระยะยาว
สำหรับกองทุน K-USXNDQ-A(D) มีนโยบายลงทุนผ่านกองทุนหลัก Invesco QQQ Trust, Series 1 – USD ที่เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทชั้นนำในสหรัฐฯ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี มุ่งสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง NASDAQ-100 โดยกองทุนมีนโยบายจ่ายเงินปันผลปีละไม่เกิน 4 ครั้ง ซึ่งนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนมีการจ่ายปันผลรวมทั้งสิ้น 30 ครั้ง เป็นเงิน 9.70 บาท และมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) เฉลี่ยอยู่ที่ 6.26% ต่อปี
ทั้งนี้ แม้ว่าตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับขึ้นแรงจากคาดการณ์เงินเฟ้อในสหรัฐฯ ที่สูงขึ้น ทำให้เกิดการโยกเงินจากหุ้นกลุ่มที่ซื้อขายในระดับราคาสูง (High Multiple Growth) เช่น กลุ่มไอที ผู้ผลิต EV หรือกลุ่มธุรกิจสุภาพ ไปสู่หุ้นในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว (Cyclical หรือ Value) เช่น กลุ่มผู้ผลิตรถ วัตถุดิบ และพลังงาน โดย บลจ.กสิกรไทย มองว่าเป็นปัจจัยในระยะสั้น ซึ่งยังคงแนะนำให้เข้าลงทุนในกองทุน K-USXNDQ-A(D) ได้ เนื่องจาก เทคโนโลยีได้เข้ามามีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากในยุค New Normal ส่งผลให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้รับอานิสงส์จากการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ และจะยังมีแนวโน้มการเติบโตต่อไปในระยะยาว
ด้านกองทุน K-GA มีนโยบายลงทุนผ่านกองทุนหลัก BGF Global Allocation FundA2 - USD ที่เน้นกระจายลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลก และมีการปรับสัดส่วนให้เหมาะสมกับภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วงเวลา โดยกองทุนมีนโยบายจ่ายเงินปันผลปีละไม่เกิน 4 ครั้ง ซึ่งนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนมีการจ่ายปันผลรวมทั้งสิ้น 21 ครั้ง เป็นเงิน 6.80 บาท และมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) เฉลี่ยอยู่ที่ 6.95% ต่อปี
ทั้งนี้ ท่ามกลางสถานการณ์การลงทุนที่ท้าทาย จากตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงความผันผวนจากหลายปัจจัย ทำให้การป้องกันความเสี่ยงให้กับพอร์ตในปัจจุบันทำได้ยากขึ้น ดังนั้น บลจ.กสิกรไทย จึงแนะนำให้เข้าลงทุนในกองทุน K-GA เพื่อกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ Traditional และ Non-traditional เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของสินทรัพย์ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ สภาพคล่องที่ล้นตลาด และการปรับตัวเพิ่มขึ้นของ GDP” นายนาวินกล่าว