ญาติปู่วัย92 ถูกผลักหงายท้องเดือด หลังสื่อบางสำนักเสนอข่าวเพี้ยน
ฉะเชิงเทรา – ญาติปู่วัย92 ถูกหนุ่มวัย 28 ปีผลักล้มหงายท้องเดือด หลังสื่อบางสำนักเสนอข่าวเพี้ยน กล่าวหาญาติปล่อยละเลยให้ผู้สูงวัยออกไปนอกบ้าน ยันรถยนต์คู่ใจของผู้เป็นบิดาไม่มีร่องรอยของการเฉี่ยวชน ระบุฝ่ายตรงข้ามเป็นคนเลือดร้อนชอบใช้ความรุนแรง ด้านตำรวจเรียกแจ้งขอกล่าวหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจไปก่อนหน้าแล้ว แต่ยังรอผลจากอาการบาดเจ็บแจ้งข้อหาเพิ่มเติมภายหลัง
วันที่ 17 เม.ย.63 เวลา 13.30 น. นางสุธาทิพย์ (ขอสงวนนามสกุล) อดีตข้าราชการครูวัยเกษียณอายุราชการ บุตรสาวคนโตของ นายบัญชา ดิษฐาพร คุณปู่วัย 92 ปีอดีตข้าราชการครูเช่นเดียวกัน ที่ถูก นายนันท์มนัส ศิริวัฒนสกุล อายุ 28 ปี หนุ่มขับรถยนต์กระบะผลักจนล้มหงายท้องหัวฟาดพื้น ที่บริเวณด้านหน้าร้านขายทองแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ริมถนนสายบางน้ำเปรี้ยว-บางขนาก ภายในตลาดตัวอำเภอบางน้ำเปรี้ยว เขตพื้นที่ ม.5 ต.โพรงอากาศ อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา
จนได้รับบาดเจ็บสาหัสหมดสติ และมีเลือดคั่งในสมอง ตั้งแต่เมื่อช่วงเย็น (17.30 น.) ของวันที่ 15 เม.ย.63 ที่ผ่านมา และมีการนำภาพจากกล้องวงจรปิดขณะเกิดเหตุการณ์ คุณปู่กำลังจะถอยรถยนต์และมีหนุ่มเลือดร้อนมาจอดรถขวางและเบิ้ลเครื่องยนต์ใส่ ในขณะที่ผู้สูงวัยนั้นมองไม่เห็นรถคันหลัง จนเกือบจะถอยชนไปถูกคันชนของรถคู่กรณีไปเผยแพร่ทางสื่อโซเชียล จนตกเป็นข่าวดังผ่านทางโลกสังคมออนไลน์ และสื่อมวลชน
ได้กล่าวเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวถึงอาการของผู้เป็นบิดาว่า ขณะนี้ผู้เป็นบิดายังคงมีอาการหมดสติ นอนพักรักษาตัวอยู่ที่ รพ. แห่งหนึ่งในตัวเมือง จ.ฉะเชิงเทรา หลังจากมีเลือดคั่งในสมอง โดยแพทย์ยังไม่ได้ทำการผ่าตัดให้ เนื่องจากยังคงต้องรอดูผลจากการเอ็กซเรย์ในวันนี้ก่อน โดยอาการล่าสุดนั้นยังมีเลือดไหลซึมออกมาอยู่ในสมองอย่างต่อเนื่อง และผู้เป็นบิดายังไม่รู้สึกตัว ทางแพทย์ได้ให้รอดูอาการไปก่อนอีกระยะ
ส่วนกะโหลกศีรษะจะมีอาการแตกร้าวด้วยหรือไม่นั้น ยังต้องผลจากการเอ็กซเรย์ในวันนี้ เนื่องจากในวันแรกที่มีการเอ็กซเรย์ไปแล้วนั้น ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ต้องการที่จะไปกระทำการอะไรที่จะไปกระทบกระเทือนต่อบาดแผลของผู้บาดเจ็บมากนัก และการผ่าตัดสมองนั้นยังต้องรอให้ทางแพทย์มาให้คำตอบแก่ทางญาติอีกครั้งหนึ่งว่า จะสามารถทำได้อย่างไรหรือไม่ เนื่องจากเป็นผู้สูงวัยมากแล้ว จึงยังต้องอยู่ในความดูแลของทางเจ้าหน้าที่พยาบาลอย่างใกล้ชิด
ส่วนในเรื่องของทางคดีนั้น ทางฝ่ายของน้องๆ ได้ไปเป็นผู้ดำเนินการ แต่อยากจะบอกกับคนที่กระทำว่า ให้นึกถึงว่า ถ้าหากมีใครมากระทำในลักษณะนี้กับครอบครัวของคุณบ้างจะรู้สึกอย่างไร จะโกรธอย่างไรไหม จึงน่าจะยับยั้งชั่งใจดูก่อน และอยากให้รู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควรทำ และถ้าหากเกิดความสูญเสียไปตลอดแล้วครอบครัวผู้ถูกกระทำจะเป็นอย่างไรบ้าง โดยหากลดความใจร้อนลงสักนิดก็น่าจะพูดคุยกันได้รู้เรื่อง
เนื่องจากผู้เป็นบิดาถึงแม้ว่าอายุจะมากถึง 92 ปีแล้ว แต่ก็ยังพูดคุยเจรจาได้รู้เรื่องเหมือนคนปกติทั่วไป และยังสุขภาพร่างกายแข็งแรงดีตามวัย จึงชอบขับรถออกไปตลาดเอง ออกไปหาซื้อของซื้ออะไรมากินเองอยู่เป็นกิจวัตรประจำเกือบทุกวันอยู่แล้ว โดยลูกๆ ทั้ง 4 คน ซึ่งมีอาชีพเป็นข้าราชการครูทั้งหมดเลยนั้น เคยห้ามไปแล้วหลายครั้ง แต่ห้ามเท่าไหร่แกก็ไม่ยอมฟัง
ส่วนที่มีสื่อบางสำนัก ที่ได้มีการไปนำเสนอว่าทางญาติได้ปล่อยปละละเลย ให้คนชราออกไปยังภายนอกบ้านได้อย่างไรนั้นก็ขอให้มาดูความเป็นจริง ดูข้อเท็จจริง อีกทั้งยังไปนำเสนอข่าวอีกว่าขณะนี้สามารถเจรจาตกลงกันได้แล้ว และคุณปู่มีอาการดีขึ้นแล้วนั้นไม่เป็นความจริง และในวันเกิดเหตุรถยนต์ของผู้เป็นบิดาตน ก็ไม่ได้ถอยไปชนเข้ากับรถของเขาด้วย นักข่าวลองช่วยดูที่ตัวรถด้วย ว่ามีร่องรอยของการถอยชนหรือไม่ นางสุธาทิพย์ กล่าว
ขณะเดียวกัน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พ.ต.อ.สมนึก หาญตา ผกก. สภ.บางน้ำเปรี้ยว ได้เปิดเผยต่อสื่อมวลชนที่มารอทำข่าวยังที่ สภ.บางน้ำเปรี้ยว ว่า ขณะนี้ได้เรียกผู้ก่อเหตุ คือ นายนันท์มนัส มาแจ้งข้อกล่าวหา “ทำร้ายร่างกายทำให้ผู้อื่นได้รับอันตราย แก่กายและจิตใจ” ให้ทราบแล้ว รวมทั้งได้มีการเปรียบเทียบปรับในคดีตาม พ.ร.บ.จราจรไปแล้วด้วย ส่วนข้อหาอื่นๆ ยังต้องรอดูผลจากอาการบาดเจ็บจากทางแพทย์ ซึ่งจะสามารถแจ้งข้อหาเพิ่มเติมได้ในภายหลัง
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานอีกด้วยว่า สำหรับผู้ต้องหารายนี้ มีอาชีพช่วยผู้เป็นบิดา ดูแลบ่อเลี้ยงปลา อยู่ในพื้นที่ ต.ศาลาแดง อ.บางน้ำเปรี้ยว และยังเป็นบุตรชายของนายตำรวจยศ ร.ต.ต. สังกัดชุดสืบสวน สภ.บางน้ำเปรี้ยว รายหนึ่งด้วย โดยพื้นเพเดิมนั้นเป็นชาว จ.บุรีรัมย์ และมักมีอุปนิสัยเคยชอบก่อเหตุทะเลาะวิวาท ในทำนองเดียวกันนี้อยู่เป็นประจำ