รีเซต

10 ปีปราบยาไม่จบ ไทยยังวนในวงจรขบวนการค้ายาเสพติด

10 ปีปราบยาไม่จบ ไทยยังวนในวงจรขบวนการค้ายาเสพติด
TNN ช่อง16
10 มิถุนายน 2568 ( 10:20 )
10

10 ปี ยาเสพติดในไทยเพิ่มหรือลด?

สืบเส้นทางใต้ดิน กับคำถามที่รัฐยังตอบไม่ครบ

ในวันที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติดแถลงข่าวการจับกุมยาบ้ากว่า 7.8 ล้านเม็ด พร้อมไอซ์อีก 1 ตัน กลางเดือนมิถุนายน 2568 ข่าวนี้พาดหัวสื่อเกือบทุกแห่งและถูกนำเสนอในฐานะ “ชัยชนะครั้งสำคัญ” ของรัฐไทยต่อขบวนการค้ายาเสพติด

แต่หากย้อนไปดูในแต่ละปีของทศวรรษที่ผ่านมา ข่าวการจับกุมล็อตใหญ่ไม่ใช่เรื่องใหม่ ยาเสพติดที่ยึดได้หลักล้านเม็ดมักเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เช่นเดียวกับจำนวนผู้ต้องขังคดียาเสพติดที่ไม่มีวี่แววจะลดลง

คำถามที่น่ากังวลยิ่งกว่าของกลางในแต่ละล็อต คือ ขบวนการเบื้องหลังทั้งหมดเดินหน้ามาอย่างไรถึงจุดนี้ และทำไมประเทศไทยจึงยังหาทางออกจากวงจรนี้ไม่เจอ

ปราบซ้ำ ปลายทางเดิม

เมื่อคนเสพถูกกวาด คนสั่งยังลอยตัว

ระบบการจับกุมในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเน้นเป้าหมายที่ผู้ครอบครองยาเสพติด ผู้เสพ หรือผู้ลำเลียงระดับล่างเป็นหลัก จากข้อมูลของกรมราชทัณฑ์ ปี 2564 มีผู้ต้องขังในคดียาเสพติดกว่า 231,000 ราย คิดเป็นมากกว่า 80% ของผู้ต้องขังทั่วประเทศ ส่วนใหญ่เป็นผู้ถูกจับในข้อหาครอบครองเพื่อเสพ ครอบครองเพื่อจำหน่าย หรือเสพซ้ำซาก

ผู้ต้องขังจำนวนไม่น้อยคือเยาวชน แม่บ้าน หรือแรงงานข้ามชาติ ที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการลำเลียงเพราะความจน ขาดโอกาส หรือถูกหลอกให้ขนของที่ไม่รู้ว่าเป็นยา

แต่ในทางกลับกัน ผู้ที่อยู่เบื้องหลังโครงข่ายมูลค่าหลายพันล้านกลับแทบไม่ปรากฏชื่อในรายงานจับกุมระดับประเทศ และไม่มีตัวเลขแน่ชัดว่า รัฐสามารถสืบไปถึง “ผู้สั่งการตัวจริง” ได้กี่รายในรอบสิบปี

เส้นทางข้ามแดนยังเหมือนเดิม

สามเหลี่ยมทองคำถึงปริมณฑล และกระจายต่อผ่านโลกออนไลน์

เส้นทางลำเลียงหลักของยาเสพติดในไทยยังคงไม่เปลี่ยนจากเดิม คือไหลลงมาจากชายแดนภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงราย ผ่านเส้นทางรองต่าง ๆ มุ่งเข้าสู่ภาคกลางและกรุงเทพมหานคร

หน่วยงานความมั่นคงหลายแห่งระบุว่าบางเครือข่ายมีแหล่งผลิตในเมียนมาและลาว ซึ่งได้รับการคุ้มกันจากกลุ่มติดอาวุธท้องถิ่น และลำเลียงเข้าสู่ไทยโดยใช้พื้นที่สีเทาชายแดน รวมถึงการซุกซ่อนผ่านสินค้าเกษตรหรือรถขนส่งที่มีเส้นทางประจำ

เมื่อเข้าสู่ภาคกลาง ยาถูกกระจายต่อผ่าน "บ้านพักยา" หรือโกดังชั่วคราว ก่อนเปลี่ยนมือเข้าสู่กลุ่มค้าปลีกในเมือง ซึ่งยุคหลังเริ่มย้ายการขายเข้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์และแอปแชตที่เข้ารหัส

การเปลี่ยนแปลงเชิงเทคโนโลยีทำให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ยากขึ้น และการซื้อขายสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องพบเจอกันแบบตัวต่อตัว

คดีฟอกเงินที่หยุดแค่ชื่อหน้าบ้าน

เมื่อบัญชีเดิน แต่ปลายทางไม่ถูกแตะ

หนึ่งในปัญหาใหญ่ที่ยังไม่ถูกจัดการอย่างเป็นระบบคือ “ขบวนการฟอกเงิน” จากธุรกิจยาเสพติด หน่วยงานปราบปรามยาเสพติดระดับชาติยอมรับว่า หลายคดีสามารถตามเส้นทางเงินไปได้ถึง “นอมินี” หรือ “ผู้ถือบัญชีแทน” แต่ไม่สามารถพิสูจน์ความเชื่อมโยงกับผู้มีอิทธิพลที่แท้จริงได้

ธุรกิจฟอกเงินในยุคหลังยังมีความซับซ้อนมากขึ้น ทั้งการใช้เงินหมุนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ การลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี หรือการเปิดบริษัทเปล่าหลายแห่งเพื่อแยกเส้นทางการเงิน

คดีฟอกเงินจากยาเสพติดส่วนใหญ่มักจบลงเพียงแค่การยึดเงินสด รถหรู หรือทรัพย์สินที่เห็นได้ชัด แต่ไม่สามารถสืบต่อไปถึงโครงข่ายการฟอกเงินข้ามประเทศที่มีเครือข่ายธนาคาร เครือข่ายอสังหาริมทรัพย์ หรือกลุ่มนายทุนในภาคอื่น ๆ ได้อย่างแท้จริง

จากแนวหน้าในป่า ถึงห้องนอนในเมือง

เป้าหมายเปลี่ยน ยาเปลี่ยน กลุ่มเป้าหมายก็เปลี่ยน

ในช่วง 5 ปีหลัง ตลาดยาเสพติดไม่ได้จำกัดอยู่เพียงผู้ใช้ตามชุมชนแออัดหรือชายขอบสังคมอีกต่อไป ยาอี คีตามีน หรือกัญชาปรุงผสม กลายเป็นสินค้าปกติในปาร์ตี้ไฮโซ คอนโดหรู หรือแม้แต่โรงเรียนเอกชนบางแห่ง

ขณะที่เยาวชนกลายเป็นกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่อ่อนไหวต่อการตลาดเชิงวัฒนธรรม เช่น “ยาเพื่อการผ่อนคลาย” “ยาเพื่อเพิ่มพลัง” หรือ “ยาเพื่อการเปิดโลก” ซึ่งมาพร้อมกับภาพลักษณ์ที่กลบความเสี่ยงทางสุขภาพได้อย่างแนบเนียน

นั่นทำให้วงจรของยาเสพติดไม่ใช่เพียงแค่เรื่องการค้า แต่เกี่ยวพันกับอัตลักษณ์ทางสังคม ค่านิยม และความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงโอกาสของชีวิต

ปราบแล้วไง ถ้าระบบยังหมุนแบบเดิม

ข้อเสนอไม่ใช่แค่จับให้ได้ แต่ต้องรู้ว่าจับเพื่อเปลี่ยนอะไร

ปฏิบัติการกวาดล้างล็อตใหญ่ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการกดดันขบวนการค้ายาครั้งใหม่ แต่หากรัฐยังไม่สามารถเปลี่ยนทิศทางได้จาก “การไล่ล่า” ไปสู่ “การรื้อระบบ” ปัญหาก็อาจจะย้อนกลับมาในรูปแบบที่ซับซ้อนขึ้น

คำถามสำคัญไม่ใช่แค่ “จับได้เท่าไร” แต่คือ “เปลี่ยนแปลงโครงสร้างได้หรือยัง” การจับกุมไม่ควรจบที่ชั้นปฏิบัติการ แต่ควรเดินหน้าถึงโครงข่ายด้านการเงิน ด้านอุปสงค์ และช่องโหว่ทางนโยบายที่ยังปล่อยให้พื้นที่สีเทาดำรงอยู่

และหากรัฐยังไม่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลข้ามหน่วยงานได้จริง การปราบปรามก็อาจกลายเป็นแค่ภาพซ้ำที่ออกข่าวทุกปี โดยไม่มีวันที่ปิดฉากเกมนี้ได้จริง

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง