JRติดฟุตซี่กองทุนจ้อง จับตางานใหญ่ไหลเข้า
ทันหุ้น -JR เข้าตากองทุนทั้งในและต่างประเทศ หลังขึ้นทำเนียบ FTSE All World Index กลุ่ม Micro Cap ดีเดย์ 18 มิถุนทยน 2564 นี้ บิ๊กบอส “จรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ” ประกาศพร้อมเดินหน้าประมูลงานใหม่ต่อเนื่อง มั่นใจโปรเจ็กต์ยักษ์ “รถไฟฟ้าสายสีเหลือง-ชมพู เฟส 2” มาตามนัด หนุน Backlog ปีนี้ทะลุ 1 หมื่นล้านบาท ดันผลงานโตก้าวกระโดด
นายจรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JR เปิดเผยว่า จากการที่บริษัทฯได้รับการคัดเลือกเข้าคำนวณดัชนี FTSE All World Index ซึ่ง JR จัดอยู่ในกลุ่ม FTSE Micro Cap จะมีผลบังคับใช้หลังราคาปิดของวันที่ 18 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป จะทำให้หุ้นได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศมากขึ้น
"การที่หุ้น JR ถูกดึงเข้าคำนวณใน FTSE Micro Cap ครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงหุ้นที่มีสภาพคล่องในการซื้อขายและมั่นใจว่าหลังการเข้าคำนวณดัชนีดังกล่าว จะทำให้หุ้น JR อยู่ในโฟกัสของนักลงทุนสถาบันและกองทุนชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งมีโอกาสที่จะเพิ่มน้ำหนักลงทุน เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ฐานะทางการเงินมีความมั่นคง และมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เหมาะสำหรับลงทุนในระยะยาว”
ลุยประมูลงานต่อเนื่อง
สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่ต่อเนื่อง และในช่วงปลายปีนี้มีโอกาสได้งานโครงการใหญ่รถไฟฟ้าสายสีเหลือง-ชมพู เฟส 2 มูลค่าไม่ต่ำกว่า 6 พันล้านบาท ซึ่งจะทำให้งานในมือพุ่งแตะระดับ 1 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ธุรกิจในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าเติบโตอย่างก้าวกระโดด สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการครึ่งหลังปี 2564 น่าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนจากครึ่งปีแรก เพราะธุรกิจมีงานในมือ (Backlog) ที่รอรับรู้เป็นค่อนข้างมาก รวมทั้งมีโอกาสได้โครงการใหม่เข้ามาเพิ่มเติม ขณะที่ในปี 2564 บริษัทประเมินว่ารายได้จะเป็นตามเป้าที่ตั้งไว้แตะ 2.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 1.28 พันล้านบาท หลังตัวเลขการรับรู้งานในมือขยับสูงขึ้น ตลอดจนธุรกิจยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพด้วย
ชูราคาเป้าหมาย 10.70 บ.
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง JR ว่าให้ราคาเป้าหมาย ไว้ที่ราว 10.70 บาท หลังจากข้อมูลล่าสุดพบว่าทาง JR มี Backlog อยู่ที่เกือบ 6 พันล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นใต้ดินของรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสีชมพู Backlog อีกทั้งบริษัทมีกำหนดการทยอยรับรู้ Backlog ดังกล่าวในช่วงปี 2564-2566 อยู่ที่มากกว่า 2 พันล้านบาท และที่เหลือทยอยรับรู้ในปีถัดไป
นอกจากนี้ยังมีความโดดเด่นในแง่ของการดำเนินธุรกิจรับเหมางานระบบให้กับอุตสาหกรรม Telecom เช่น การลงทุนระบบ Core network ของ Huawei และมีคู่ค้าสำคัญคือ TOT และอุตสาหกรรมไฟฟ้า เช่น การนำสายไฟฟ้าลงใต้ดิน การวางระบบไฟฟ้าของรถไฟฟ้า งาน Substation และงานสายส่ง Transmission โดยมีคู่ค้าสำคัญ เช่น GULF, Sino-Thai (STEC), EA และกลุ่ม PTT ฯลฯ ซึ่งทำให้มีโอกาสได้รับโครงการใหม่เพิ่มเติม