รีเซต

ล้วงลึกมือสังหารหญิงลอบฆ่า ‘คิม จองนัม’

ล้วงลึกมือสังหารหญิงลอบฆ่า ‘คิม จองนัม’
TNN ช่อง16
29 มกราคม 2564 ( 14:30 )
82

ผ่านมาเกือบสี่ปีแล้ว นับแต่ข่าวสะเทือนโลก การลอบสังหารคิม จองนัม พี่ชายต่างมารดาของผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ มือลอบสังหารที่เป็นหญิงสาว 2 คน ยังทำให้ทั้งโลกจับจ้องกับข่าวนี้

มาวันนี้ สารคดีชื่อ ‘แอสแซซซินส์’ ได้เปิดเผยเบื้องลึกและเบื้องหลัง ก้าวข้ามม่านของวาทกรรมและกระแสข่าว ได้เผยแพร่สู่สายตาทั่วโลก จากความทุ่มเทของ ไรอัน ไวท์ ผู้กำกับชาวอเมริกัน ที่ใช้เวลากว่า 2 ปีครึ่ง ติดตามคดีนี้ บอกเล่าผ่านตัวผู้ต้องหาสาวทั้งสอง คือ สิติ ไอสิอะห์ ชาวอินโดนีเซีย ที่ตอนนั้นอายุ 25 ปี และ ดวน ถิ เฮือง ชาวเวียดนามวัย 29 ปี

ไรท์ ให้สัมภาษณ์ว่า เขาต้องใช้เวลาพอควร กว่าที่จะโน้มน้าวให้พวกเธอปรากฏตัวในสารคดีของเขา

“ผู้หญิงทั้งสองประหม่ามากเวลาคุยกับเรา เพราะพวกเธอพึ่งถูกตัดสินโทษประหารชีวิต การปรากฏตัวในสารคดีนี้จะทำให้พวกเธอเป็นที่รู้จักมากขึ้น จึงต้องใช้เวลาพอควรกว่าที่จะพูดคุยให้พวกเธอเชื่อใจเราได้”

เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2017 คิม จองนัม เดินทางไปท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ในมาเลเซีย ต่อมาไม่นาน ดวง ถิ เฮือง และสิติ ไอสิอะห์ ได้สาดอาวุธเคมีใส่ใบหน้าของคิม จองนัม เป็นสาเหตุของการเสียชีวิต

หญิงทั้งสองถูกตั้งข้อหา ด้วยโทษสูงสุดของมาเลเซีย คือประหารชีวิต ทนายความพยายามชี้แจงว่า หญิงทั้งสองเป็นเพียงหมากตัวเล็ก ๆ ที่สายลับเกาหลีเหนือหลอกให้ลอบสังหารคิม จองนัม สิ่งที่พวกเธอคิดว่าได้ทำลงไป คือ การแกล้งกันเท่านั้น

สารดคี แอสแซซซินส์ ใช้การรวบรวมภาพจากกล้องวงจรปิด และตรวจสอบหลักฐานในชั้นศาล ตัวไวท์เองเข้ารับฟังการพิจารณาคดี สัมภาษณ์ทนายและครอบครัวของผู้ต้องหา เขาเดินทางไปถึงบ้านเกิดของทั้งคู่ในเวียดนามและอินโดนีเซีย สำรวจลึกไปถึงพื้นเพของ ดวง ถิ เฮือง และสิติ ไอสิอะห์ จากย่านโคมแดงในฮานอย และกรุงกัวลาลัมเปอร์

“ผมคิดว่ามันเป็นบทเรียนใหญ่ นั่นคือใจความสำคัญของหนังเรื่องนี้ ยกตัวอย่างคุณเห็นพาดหัวข่าว คุณก็คิดไปอย่าง แต่ถ้าคุณดึงม่านวาทกรรมที่บดบังออก คุณจะเห็นอีกอย่าง ส่วนตัวแล้วผมคิดว่าพวกเธอน่ารักและรู้สึกยินดีที่ผ่านประสบการณ์เลวร้ายนี้มาได้ แต่ชีวิตของพวกเธอจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป”

ปัจจุบัน คดีของหญิงทั้งสองสิ้นสุด พวกเธอได้รับอิสรภาพ ศาลยกข้อกล่าวหาให้ซิติ ส่วน ดวง ถิ เฮือง ยอมรับผิดฐานทำร้ายผู้อื่น และได้รับการปล่อยตัวเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว

สิ่งที่ไวท์ เศร้าใจที่สุด คือ โลกที่หญิงทั้งสองออกมาเผชิญหลังพ้นผิด คือ ความโหดร้ายและตราบาป ทั้งที่พวกเธอเชื่อว่าตนเองเป็น ‘แพะรับบาป’

“พอพวกเธอได้ชมสารคดี สิ่งแรกที่เธอกล่าวคือ น่าจะยิ้มให้น้อยกว่านี้ มันเป็นอะไรที่น่าเศร้านะ เพราะเวลานั้น เธอถูกขังเดี่ยวมาเป็นปี เธอตื่นเต้นมากกับอิสรภาพ และเธอยังเข้มแข็ง พวกเธอได้รับการปล่อยตัวมามากกว่า 1 ปีแล้ว แต่สิ่งที่พวกเธอเผชิญคือความโหดร้ายของโลกและกระแสโจมตีในสังคมออนไลน์ กลับกลายเป็นว่าเธอเก็บตัวมากขึ้น” ไวท์ กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง