รีเซต

HMPRO ปูพรมรุกช่องทางขาย ต่อยอดสาขารับกำลังซื้อฟื้น

HMPRO ปูพรมรุกช่องทางขาย ต่อยอดสาขารับกำลังซื้อฟื้น
ทันหุ้น
14 มีนาคม 2565 ( 11:59 )
225

ข่าววันนี้ HMPRO ปี 2565 ตั้งเป้า SSSG เติบโต 5-7% วางงบลงทุน 5,000 - 6,000 ล้านบาท รองรับการขยายสาขาใหม่,ปรับปรุงสาขาเดิม เเละซื้อที่ดิน เปิดช่องทางขายรองรับกำลังซื้อฟื้น ฟากโบรกแนะ“ซื้อ” เคาะราคาเป้าหมาย 18.00 บาท

 

นายรักพงศ์ อรุณวัฒนา ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ กลยุทธ์และความยั่งยืน บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO เปิดเผยว่า ในปี 2565 บริษัทคาดว่าการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) จะอยู่ที่ประมาณ 5-7% ซึ่งหากเทียบกับปีที่ผ่านมามีฐานที่ต่ำเพราะมีการปิดสาขา  ส่วนยอดขายคาดว่าจะเติบโตประมาณ 5-7% ประกอบกับการเติบโตผ่านรูปแบบขยายสาขา ช่องทางต่างๆ ทั้งอีคอมเมิร์ซ ซึ่งปัจจุบันมีทั้งเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน ที่บริษัทได้มีการผลักดันและพัฒนาให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้สะดวกมากขึ้น

 

ขยายสาขาเพิ่ม

 

ในปี 2565 บริษัทมีแผนขยายสาขาในช่วงครึ่งปีหลังทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล และในต่างจังหวัด ได้เเก่ สาขาโฮมโปรในประเทศ 2 สาขา เเละขยายสาขาเมกาโฮมอีก 5 สาขา คาดว่าจะใช้งบลงทุน 5,000 - 6,000 ล้านบาท ซึ่งใช้รองรับการขยายสาขา ปรับปรุงสาขา เเละใช้เพื่อซื้อที่ดินเพื่อรองรับการพัฒนาในอนาคต

โดยคาดว่าใน สิ้นปี 2565 จะมีสาขาโฮมโปร จำนวน 88 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ เเละต่างจังหวัด,สาขาเมกาโฮม 19 สาขา, สาขาโฮมโปร เอส ในประเทศ 7 สาขา เเละสาขาโฮมโปร มาเลเซีย 7 สาขา

 

สำหรับการขยายสาขาเพิ่มเติมในมาเลเซีย ยังอยู่ระหว่างรอประเมินสถานการณ์เนื่องจากปัจจุบัน ยอดขายยังไม่เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับตลาดในประเทศ เนื่องจากภาวะของ โควิด-19 ที่ทางรัฐบาลมาเลเซียมีความเข้มงวดมากกว่าในประเทศไทย ส่วนตลาดในประเทศเวียดนาม บริษัทเพิ่งได้เริ่มเข้าไปทำกิจกรรมการตลาดในปี 2564 ที่ผ่านมา ปัจจุบันอยู่ระหว่างหาพื้นที่ และรอสถานการณ์โควิด-19 ให้มีการคลี่คลายมากขึ้น

 

Q1/65 ผลงานฟื้น

 

บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด หรือ AWS ระบุถึง HMPRO ประเมินแนวโน้มผลประกอบการไตรมาสที่ 1/2565 เติบโต YoY โดย SSSG ในเดือนมกราคม 2565 ยังเติบโตต่อเนื่อง คาดว่าผลประกอบจะฟื้นตัวต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 4/2564 หลังผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และการเปิดประเทศ โดยเริ่มเห็นสัญญำณกำรฟื้นตัวของสาขาในพื้นที่ท่องเที่ยว เป็นปัจจัยหนุนผลประกอบการ

 

รวมถึงได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐ ช้อปดีมีคืน (1 ม.ค. - 15 ก.พ. 2565) และยังคงเน้นสินค้าให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่อยู่บ้านมากขึ้น ขณะที่รายได้ค่าเช่ามีแนวโน้มฟื้นตัว แม้บริษัทยังคงให้ส่วนลดแก่ผู้เช่า แต่ให้ในอัตราที่ลดลง โดยปัจจุบันให้ส่วนลดโดยเฉลี่ยราว 5% คงคำแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมายใหม่ 18.00 บาท  โดย Re-rate PER เป็น 38 เท่า (ค่าเฉลี่ย PER ย้อนหลัง 5 ปี+1 S.D.)

 

เป้าหมาย 18.50 บ.

 

บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ปรับกำไรสุทธิปี 2565 ขึ้น 4% ที่ 6.49 พันล้านบาท 6.49 พันล้านบาท (+19% YoY) จากแผนการขยายสาขามากขึ้นเป็น 7 สาขา (เทียบปี 2564 ขยาย 2 สาขา และเดิมเราคาดปี 2565 ขยายเพียง 2 สาขา) นอกจากนี้ SSSG จะยังเติบโตได้จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และจากภาคการท่องเที่ยวจะค่อยๆ ฟื้นตัว ทั้งนี้บริษัทมีความมั่นใจในการขยายสาขา MEGA Home มากขึ้นจากปัจจุบันที่มีอยู่ 14 สาขา และ MEGA Home ยังมีสัดส่วน Private Brand ค่อนข้างต่ำที่ 13-14% จึงยังมีโอกาสในการพัฒนา Margin ได้อีก

 

และมองว่าสถานการณ์โควิดอาจมีผลกระทบในระยะสั้น แต่ประชาชนจะเริ่มปรับตัวเพื่อใช้ชีวิตอยู่กับโควิด

ปัจจัยหนุนการฟื้นตัวหลักคือนักท่องเที่ยวต่างชาติ หากเริ่มกลับเข้ามาเที่ยวในไทยจะช่วยหนุนรายได้จากเมือง

ท่องเที่ยวให้ฟื้นตัวประเมินราคาเหมาะสมที่ 18.50 บาท อิง 2022E PER ที่ 37.4x (+1SD Above Historical Avg.)

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง