รีเซต

DELTAโชว์งบQ3วันนี้ คาดทุบสถิติ2.4พันล้าน

DELTAโชว์งบQ3วันนี้ คาดทุบสถิติ2.4พันล้าน
ทันหุ้น
26 ตุลาคม 2563 ( 08:30 )
147
DELTAโชว์งบQ3วันนี้ คาดทุบสถิติ2.4พันล้าน

ทันหุ้น-สู้โควิด- DELTA ประกาศงบวันนี้ โบรกเห็นพ้องกำไรไตรมาส 3/63 ทำระดับสูงสุดที่ 2.4 พันล้านบาท รับผลดีกลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์เติบโตแรง สั่งปรับประมาณการกำไรในปี 2563-2564 เพิ่ม แต่แนะระวังราคาหุ้นในกระดานสะท้อนปัจจัยบวกแล้ว ชี้ราคาเกินเป้าหมายที่โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ประเมิน

 

บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) คาดว่าบริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)หรือ DELTA จะประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/2563 ในวันนี้ ซึ่งประเมินว่าจะมีกำไรสุทธิ 2,486 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุด หรือ all time high โดยเพิ่มขึ้น 302% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 23% จากไตรมาส 2/2563 สาเหตุที่ผลประกอบการเพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้องการเพิ่มมากขึ้นในกลุ่มสินค้าดาต้า เซ็นเตอร์ และกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ผลักดันให้ยอดขายเพิ่มขึ้น

 

นอกจากนี้คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น จะปรับขึ้นมาสูงสุดในรอบ 4 ปีที่ 27.2%เนื่องจากการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น และสินค้ามาร์จิ้นสูงในดาต้าเซ็นเตอร์ รวมถึงการควบคุมรายจ่ายได้ดีและจ่ายค่าลิขสิทธิ์น้อยลง

 

ส่วนแนวโน้มกำไรสุทธิในไตรมาส 4/2563 คาดว่าจะอยู่ที่ 1,362 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 253% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ลดลง 45% จากไตรมาส 3/2563 โดยยอดขายในกลุ่มรถยนต์เพิ่มขึ้น เพราะลูกค้ากลุ่ม EV Car ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นอุตสาหกรรมรถยนต์ ขณะที่กลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ยังมีต่อเนื่อง แต่มาร์จิ้นหรือมูลค่าเพิ่มจะน้อยกว่าไตรมาส 3/2563 ที่ซื้ออุปกรณ์กลุ่มสำคัญไปแล้ว

 

**ราคาเกินพื้นฐานแล้ว

 

ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน มองว่า แม้ปัจจัยพื้นฐานของ DELTA จะเด่น ซึ่งการที่ DELTA เข้าถือหุ้นใน Eltek Australia จะช่วยทำให้ DELTAสามารถขยายตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ และ IoT ในออสเตรเลียได้อีกภูมิภาค แต่ราคาหุ้นในกระดานแพงเกินไป จึงแนะนำ Reduceและให้ราคาเป้าหมายของปี 2564 ที่ 128 บาทต่อหุ้น

 

บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด คาดการณ์ว่า DELTA จะมีกำไรไตรมาส 3/2563 ที่ 2,487 ล้านบาท โดยคาดว่ารายได้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐจะโตมากกว่า 15% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2563 ซึ่งเป็นการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ ได้แก่กลุ่มดาต้า เซ็นเตอร์, กลุ่มพัดลมของ DCและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับรถ EV ทั้งในสหรัฐและยุโรป

 

ส่วนผลประกอบการไตรมาส 4/63 คาดว่าจะอ่อนแอลง เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2563 จากอุปสงค์ดาต้าเซ็นเตอร์ ที่ลดลงจากคำสั่งซื้อจากจีนที่ลดลง และต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นท่ามกลางอุปสงค์ของรถ EV ที่สูง

 

โดยแนะนำขายหุ้น DELTAเพราะราคาหุ้นปรับขึ้นมาจนเกินราคาเป้าหมายที่ประเมินไว้ที่ 158 บาทต่อหุ้น และมองถึงปัจจัยเสี่ยงต่อหุ้น ประกอบด้วย ค่าเงินบาทที่แข็งค่า, ส่วนแบ่งกำไรจากไต้หวันและยอดขายในอินเดีย

 

บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด แนะนำขายหุ้น DELTA เช่นกัน โดยให้ราคาเป้าหมายของปี 2564 ที่ 150 บาทต่อหุ้น แม้ภาพรวมธุรกิจหลักจะเติบโตต่อเนื่อง แต่ได้สะท้อนไปในราคาหุ้นแล้ว ขณะที่ในไตรมาส 3/2563 คาดว่าจะเห็นการเติบโตต่อเนื่อง โดยมีกำไรสุทธิเท่ากับ 2.4 พันล้านบาท จากธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ ได้รับผลดีจากการทำงานและเรียนที่บ้านมากขึ้น ในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 และรถยนต์ไฟฟ้าจะฟื้นตัว

 

**เพิ่มประมาณการกำไรปี 63-64

 

ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส ได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2563-2564 ของ DELTA เพิ่มขึ้น 15.6% และ 26.4%จากเดิม ตามลำดับ สะท้อนแนวโน้มรายได้กลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ที่โตได้ดีกว่าคาด ภายหลังปรับเพิ่มประมาณการ คาดว่าจะมีกำไรสุทธิปี 2563-2564 จะเพิ่มขึ้นถึง 127.1% และ 15.2% ตามลำดับ จากดาต้าเซ็นเตอร์ที่เติบโตในช่วง โควิด-19 ระบาด

 

บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2563-2564 ของ DELTA ขึ้นอีก 22% และ 34% ตามลำดับ ทำให้มีกำไรปกติในปี 2563 อยู่ที่ 7.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 134% จากปีก่อน ส่วนในปี 2564 กำไรจะอยู่ที่ 8.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.6% จากปีนี้ เพราะยอดขายในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐที่เติบโต และได้ปรับเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นในปี 2563-2564 เป็น 24.3% และ 25.0%จากระดับก่อนหน้าที่ 23.9%

 

มองในระยะยาวสินค้าของ DELTA มีศักยภาพโตได้อีกมากในตลาด EV Car ตลาด Home automation และตลาด 5G และคาดว่ากำไรปกติในไตรมาส 3/2563 จะอยู่ที่ 2.4 พันล้านบาท ทำระดับสูงสุดใหม่อีกครั้ง

 

อย่างไรก็ตามราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาก ทำให้ความน่าสนใจในเชิงเปรียบเทียบกับหุ้นในกลุ่มลดลง จึงได้ปรับลดคำแนะนำเป็นเก็งกำไร และให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2564 ที่ 194 บาทต่อหุ้น

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง