STANLYรุกไฟส่องรถEV มาร์จิ้นดีชูปันผลยิลด์สูง
ทันหุ้น – STANLY ลั่นลงทุนพร้อมผลิตไฟส่องสว่างรองรับการผลิตรถ EV ทั้งรถยนต์, รถจักรยานยนต์ มาร์จิ้นสูง มั่นใจโควิด-19คลี่คลายหนุนความต้องการใช้ไฟส่องสว่างรถทุกประเภท ได้ดีลบิ๊กไบค์- ฮอนด้าสกุปี้ เจาะเดลิเวอร์รี่
โบรกชี้เด่นสุดในกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วน ทั้งปีกำไรโต 35.29% เป้า 220 บาท ปันผล 5.50 บาท XD 12 ก.ค.นี้
นายอภิชาติ ลี้อิสสระนุกูล ประธานกรรมการ บริษัท ไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ STANLY กล่าวว่า จากกรณีที่รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างจริงจัง ด้วยการตั้งคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติปัจจุบันบริษัทมีความพร้อมรองรับการผลิตหลอแไฟประกอบยานยนต์ไฟฟ้า (คณะกรรมการEV) ผลักดันให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยานยนต์ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้มีสัดส่วน 30% ในปี 2573บริษัทจึงวางแผนรองรับการผลิตหลอดไฟส่องสว่างสำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และรถจักรยานยนต์ ทั้งการลงทุนเครื่องจักร, ทีมวิศวกรการออกแบบ, รวมถึงเทคโนโลยี AI ต่างๆ ไว้พร้อมแล้ว
“การผลิตหลอดไฟส่องสว่างสำหรับรถยนต์ไฟฟ้านั้นง่ายกว่าหลอดไฟที่ใช้ในปัจจุบัน เนื่องจากไม่ต้องมี “ไทเมอร์” ควบคุมอุณหภูมิทั้งในเครื่องยนต์ไม่ให้ร้อนจัดในกรณีที่เปิดเป็นระยะเวลานาน ดังนั้นหากในอนาคตมีความต้องการใช้เพิ่มขึ้น ต้นทุนการผลิตก็จะปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ”
ทั้งนี้ ผลการศึกษาโมเดลการเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานจากพลังงานน้ำมันสู่ยานยนต์ไฟฟ้าจะมีความชัดเจนในระยะ 2-3ปีข้างหน้าโดยเฉพาะรถยนต์นั่งบุคคล และรถจักรยานยนต์ ขณะที่รถสำหรับอุตสาหกรรมการเกษตรและอุตสาหกรรมขนส่งสินค้า ยังมีแนวโน้มที่จะใช้พลังงานน้ำมันอย่างต่อเนื่อง จึงคาดว่าบริษัทจะได้ประโยชน์ทั้งจากการพัฒนารถยนต์นั่งส่วนบุคคล, รถกระบะ, รถบรรทุก รวมถึงรถจักรยานยนต์
ทั้งนี้บริษัทมีไลน์ผลิตที่ครอบคลุมทั้งหลอดไฟรูปแบบเดิม, หลอดไฟ LED, รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีหลอกไฟอัจฉริยะ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับการผลิตสินค้าแต่ละประเภท อาทิ สร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว (identification : ID)ให้กับหลอดไฟ Daytime Running Light (DRL) เน้นลูกค้ากลุ่มกลาง-บน ที่มีศักยภาพในการแต่งรถ รวมถึงนำเทคโนโลยี AI เข้ามาพัฒนาไฟเลี้ยวอัจฉริยะ เพิ่มความสามารถในการตรวจจับและเพิ่มแสดงสว่างให้ทุกมุม เพิ่มทัศนะวิสัยในการขับขี่ให้ปลอดภัยมากขึ้นในรถระดับไฮแบรด์
โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากหลอดไฟรุ่นเดิม (โคมไฟ) 50-60% และหลอดไฟ LED 40-50% แม้ว่ายอดขายหลอดไฟรุ่นเดิมจะมีสัดส่วนสูงกว่า แต่หลอดไฟ LED มีมูลค่า (มาร์จิ้น) สูงกว่า อีกทั้งยังสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากอุปกรณ์ตกแต่งได้มากกว่า รวมถึงยังสามารถงส่งออกไปต่างประเทศอีกด้วย ปัจจุบันบริษัทสามารถส่งออกอุปกรณ์ไฟส่องสว่างเพื่อตกแต่งรถยนต์, รถจักรยานยนต์ไปยังประเทศในกลุ่ม CLMV (เมียนมาร์, สปป.ลาว, กัมพูชา, และเวียดนาม) ผ่านโชว์รูมรถยนต์, รถจักรยานยนต์ยี่ห้อต่างๆ โดยรายได้จากการขายของบริษัทมาจากในประเทศ 64% ของรายได้รวม และต่างประเทศ 36% ของรายได้รวม
“ในระยะสั้นการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงกดดันบรรยากาศการลงทุนหลายๆ ด้านทั้งในประเทศ และระหว่างประเทศ แต่การที่ภาครัฐเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19อย่างต่อเนื่องรวมถึงกลุ่มประเทศคู่ค้าหลายประเทศฉีดวัคซีนในประเทศแล้วมากกว่า 90% จึงคาดการณ์ว่าในช่วงที่เหลือของปี ต่อเนื่องปีหน้าสถานการณ์ต่างๆ จะดีขึ้นหนุนความต้องการใช้รถ – กำลังซื้อกลุ่มอุปกรณ์ตกแต่งฟื้นตัวขึ้นได้อย่างแข็งแกร่ง”
*ตลาดรถมอเตอร์ไซด์ขยายตัว
นายอภิชาติ กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทได้รับคำสั่งทำไฟส่องสว่างสำหรับรถจักรยานยนต์ โดยเฉพาะมอเตอร์ไซด์ขนาดใหญ่ (Bigbike) และฮอนด้ารุ่นสกุปี้ ที่พัฒนาขึ้นมาเจาะตลาดผู้ประกอบการเดลิเวอร์รี่ ซึ่งได้ปรับตัวถังให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ โดยปัจจุบันบริษัทได้รับออร์เดอร์งานสร้างเอกลักษ์เฉพาะให้กับหลอด DRL รถมอเตอร์ไซด์ และเตรียมต่อยอดด้วยการพัฒนาหลอดไฟอัจฉริยะ ให้กับไฟเลี้ยวของรถมอเตอร์ไซด์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในอนาคต
ผลการดำเนินงานพ้นจุดต่ำสุด
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุถึง STANLY ว่าคาดการณ์ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2564 (เม.ย-มิ.ย.) มีแนวโน้มอ่อนตัวเมื่อเทียบกับงวดไตรมาส 4/2563 ที่ผ่านมา และเป็นจุดต่ำสุดของปี 2564กดดันจากการปิดสายการผลิตของค่ายรถยนต์ ก่อนจะกลับมาขยายตัวตั้งแต่งวดไตรมาส 2/2564 (ก.ค.-ก.ย.) เป็นต้นไป ตามการเติบโตของยอดการผลิตรถยนต์ในประเทศ
ขณะที่คาดกำไรปกติทั้งปี 2564 (2564/2565) ที่ 1,403 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.29% เมื่อเทียบกับปี 2563 และเลือก STANLY เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ เพราะธุรกิจการผลิตหลอดไฟรถยนต์ของบริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนผ่านของรถยนต์สันดาปมาสู่รถยนต์ไฟฟ้า ประกอบกับราคาหุ้นมี PBV ซื้อ-ขายที่ 0.68 เท่า
อีกทั้ง STANLY ยังประกาศจ่ายเงินปันผลงวดปี 2563/2564 ที่ 5.50 บาทต่อหุ้น (Div yield ที่ 3%) ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 12 กรกฎาคม 2564 กำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 29 กรกฎาคม 2564 แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 220 บาท พร้อมคาดการณ์อัตราการจ่ายเงินปันผลงวดปี 2564/2565 ที่ 3.7%