รีเซต

ทำไมระบบ Tire Pressure Monitoring System ตรวจวัดแรงดันลมยางถึงสำคัญกับ EV ยิ่งกว่าที่เคย!

ทำไมระบบ Tire Pressure Monitoring System ตรวจวัดแรงดันลมยางถึงสำคัญกับ EV ยิ่งกว่าที่เคย!
EntertainmentReport1
29 ตุลาคม 2568 ( 08:41 )
60

ในยุคที่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) กำลังครองถนน หลายคนอาจมุ่งความสนใจไปที่แบตเตอรี่ ระยะทางขับขี่ หรือความแรงของมอเตอร์ไฟฟ้า จนอาจมองข้าม "ล้อ" ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่สุดที่สัมผัสกับพื้นถนน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบตรวจวัดแรงดันลมยางอัตโนมัติ (Tire Pressure Monitoring System - TPMS) ที่กลายเป็นพระเอกลับๆ ในการขับขี่รถ EV ให้ปลอดภัยและไปได้ไกลยิ่งขึ้น

ทำไม TPMS ถึงมีความสำคัญเป็นพิเศษกับรถยนต์ไฟฟ้า? ลองมาเจาะลึก 3 เหตุผลหลัก ที่ทำให้เจ้าของ EV ทุกคนต้องหันมาให้ความสำคัญกับแรงดันลมยางแบบ Real-Time!

 

 

1. น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น: แรงดันที่ต้องแบกรับ 

รถยนต์ไฟฟ้ามีน้ำหนักมากกว่ารถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) ที่มีขนาดใกล้เคียงกันอย่างเห็นได้ชัด สาเหตุหลักมาจาก ชุดแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ที่ติดตั้งอยู่ใต้ท้องรถ ซึ่งแบตเตอรี่เหล่านี้เองคือที่มาของน้ำหนักหลายร้อยกิโลกรัม น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อยางรถยนต์:

  • ภาระต่อยางสูงขึ้น: ยางรถ EV ต้องแบกรับน้ำหนักที่มากกว่าปกติ ทำให้ต้องรักษาแรงดันลมยางให้อยู่ในระดับที่กำหนดอย่างเคร่งครัด เพื่อคงรูปทรงของยางและรับน้ำหนักได้อย่างเต็มที่
  • ความเสี่ยงต่อการเกิดความร้อน: หากแรงดันลมยางอ่อนกว่าที่กำหนดภายใต้น้ำหนักที่มาก จะเกิดการเสียดสีและการเปลี่ยนรูปของยางมากขึ้น ซึ่งทำให้เกิดความร้อนสูงสะสมที่แก้มยางอย่างรวดเร็ว ความร้อนที่มากเกินไปคือสาเหตุหลักที่ทำให้ยางระเบิดได้ ซึ่งในรถ EV ที่มีน้ำหนักมาก ความเสี่ยงนี้ยิ่งเพิ่มสูงขึ้น TPMS จึงทำหน้าที่เป็น "ยามเฝ้าระวัง" ที่คอยเตือนก่อนจะเกิดเหตุร้าย

 

 

2. ประสิทธิภาพและระยะทางขับขี่ (Range): ทุก PSI มีค่า! 

สำหรับผู้ใช้รถ EV แล้ว ระยะทางขับขี่ (Range) คือสิ่งที่ทุกคนกังวล และแรงดันลมยางคือตัวแปรที่ส่งผลกระทบต่อ Range อย่างมีนัยสำคัญ:

  • แรงต้านทานการหมุน (Rolling Resistance): ลมยางที่อ่อนเกินไปจะทำให้หน้ายางสัมผัสพื้นถนนมากเกินไป ส่งผลให้เกิด แรงต้านทานการหมุนที่สูงขึ้น เหมือนกับการที่รถต้องออกแรง "ผลัก" ยางที่แบนกว่าปกติ นั่นหมายความว่า มอเตอร์ไฟฟ้าจะต้องใช้พลังงานจากแบตเตอรี่มากขึ้นเพื่อขับเคลื่อนรถไปในระยะทางเท่าเดิม
  • สูญเสีย Range: การสูญเสียแรงดันลมยางเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้ประสิทธิภาพการใช้พลังงานลดลงได้หลายเปอร์เซ็นต์ ซึ่งส่งผลให้ระยะทางขับขี่ลดลงอย่างน่าเสียดาย TPMS ที่แสดงค่าแรงดันลมยางแบบ Real-Time จึงช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเติมลมยางให้ได้ค่าที่ ผู้ผลิตกำหนด ได้อย่างแม่นยำ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการรักษาระยะทางขับขี่ให้เป็นไปตามที่โฆษณาไว้

 

 

3. สมรรถนะและความเงียบ: การควบคุมที่สมบูรณ์ 

รถ EV ถูกออกแบบมาให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำและมีแรงบิดสูง ทำให้มีสมรรถนะในการเข้าโค้งและการออกตัวที่ดีเยี่ยม แต่สมรรถนะเหล่านั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อยางอยู่ในสภาพสมบูรณ์เท่านั้น:

  • การยึดเกาะและการเบรก: แรงดันลมยางที่เหมาะสมเป็นกุญแจสำคัญในการกระจายน้ำหนักและแรงเบรกให้ทั่วถึงหน้าสัมผัสยาง ทำให้การควบคุมรถและการเบรกเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย หากลมยางไม่เท่ากัน อาจทำให้รถเสียการทรงตัวได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อต้องเบรกกะทันหัน
  • ความเงียบของห้องโดยสาร: รถยนต์ไฟฟ้ามีเสียงรบกวนต่ำกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปมาก ทำให้เสียงจากยางรถยนต์เป็นสิ่งที่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรับรู้ได้ง่ายขึ้น หากลมยางอ่อนหรือแข็งเกินไป นอกจากจะส่งผลต่อความสบายในการขับขี่ (Ride Comfort) แล้ว ยังอาจทำให้เกิดเสียงยางที่ดังผิดปกติอีกด้วย การรักษาแรงดันให้คงที่จึงช่วยรักษาสภาพแวดล้อมภายในห้องโดยสารให้เงียบสงบตามที่รถ EV ควรจะเป็น

 

 

ข้อสรุป

โดยสรุปแล้ว ระบบ TPMS จึงไม่ใช่แค่ฟีเจอร์ "เสริม" แต่เป็น มาตรฐานความปลอดภัยที่ขาดไม่ได้ สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ช่วยให้เจ้าของ EV สามารถจัดการกับน้ำหนักที่มากของแบตเตอรี่, ยืดระยะทางขับขี่, และรักษาความปลอดภัยในการขับขี่ให้ถึงขีดสุด ดังนั้น การตรวจสอบและปรับแรงดันลมยางให้ได้ตามค่าที่ระบุไว้ข้างประตูรถหรือในคู่มืออยู่เสมอ จึงเป็นการบำรุงรักษาที่ง่ายและสำคัญที่สุดในการใช้รถ EV

Photo Credit : AI Generated

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง