สธ.ย้ำฉีดไฟเซอร์ให้บุคลากรแพทย์ด่านหน้า ไม่น้อยกว่า 5 แสนโดส
วันนี้ (25 ก.ค.64) นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวงสาธารณสุข และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า มาตรการในการควบคุมโรคยังคงเดินหน้าอย่างเข้มข้น และเน้นการเข้าดูแลประชาชนในเชิงรุกและการเร่งฉีดวัคซีนในกลุ่มเสี่ยง
สำหรับข้อเท็จจริงการบริหารจัดการวัคซีนไฟเซอร์ ที่มีการเผยแพร่ในออนไลน์ว่า บุคลากรทางการแพทย์บุคลากรด่านหน้า จะได้วัคซีนเพียง 200,000 โดสนั้น นพ.รุ่งเรือง ยืนยัน "เป็นข่าวปลอม" โดยข้อเท็จจริงคือ บุคลากรทางการแพทย์ บุคลากรด่านหน้าจะได้รับวัคซีนไฟเซอร์ จำนวนไม่น้อยกว่า 500,000 โดส
สำหรับวัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส จะเข้ามายังประเทศไทยภายในเดือนกรกฎาคม 2564 และจะเริ่มฉีดได้ต้นเดือนสิงหาคม 2564 เน้นไปที่บุคลากรทางการแพทย์บุคลากรด้านหน้า กลุ่มเสี่ยงอื่นๆ
ส่วนวัคซีนไฟเซอร์ 20 ล้านโดส จะเริ่มฉีดเดือนตุลาคม ถึง ธันวาคม 2564 เป็นการฉีดฟรี ไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่าย โดยการฉีดวัคซีนจะเน้นให้กลุ่มเสี่ยงพื้นที่เสี่ยง ขณะนี้พบว่ามีการแอบอ้าง หลอกลวงเรียกเก็บเงิน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงและจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
สำหรับการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 ให้กับบุคลากรทางการแพทย์และบุคลากรด้านหน้า เบื้องต้นบางส่วนได้มีการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าไปบ้างแล้ว หลังจากได้รับวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็มไปก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ ข้อมูลเปรียบเทียบระดับภูมิคุ้มกันหลังการฉีดวัคซีน พบว่า หลังบุคลากรทางการแพทย์ได้รับการฉีดวัคซีน แอสตร้าเซนเนก้าจำนวนหนึ่ง มีระดับภูมิคุ้มกันสูงมาก
ส่วนที่มีข่าวออกมาว่ากระทรวงสาธารณสุข มีการบังคับให้บุคลากรทางการแพทย์ บุคลกรด่านหน้า ให้รับวัคซีนเข็ม 3 เป็นแอสตร้าเซนเนก้านั้น นพ.รุ่งเรือง ระบุว่า ไม่เป็นความจริง ถึงแม้ว่าการกระตุ้นวัคซีนเข็มที่ 3 ด้วยอัตราภูมิจะขึ้นสูงมาก แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับความสมัครใจของบุคลากรทางการแพทย์ด้วย
อย่างไรก็ตาม ย้ำว่าการฉีดวัคซีนจะมีการเรียงตามลำดับจะเริ่มจากกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่เสี่ยง การจัดการวัคซีนจะไม่มีการให้กลุ่มพิเศษหรือกลุ่มอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ในลำดับความสำคัญฉีดก่อน หากท่านพบขอให้แจ้งมายังที่กระทรวงสาธารณสุขได้ทันที