ถอดรหัสยุทธศาสตร์ "ไทย" บนเวทีอาเซียน เสริมแกร่งภายใน รับมือความท้าทายภายนอก
นายกฯ แพทองธารร่วมเวทีการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 45
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมและกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 45 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติ เมืองเวียงจันทน์ ประเทศลาว โดยย้ำถึงความจำเป็นในการส่งเสริมความเป็นแกนกลางและเอกภาพของอาเซียน ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่ซับซ้อนและการแข่งขันของมหาอำนาจ
นายกฯ เห็นพ้องกับที่ประชุมว่า แนวโน้มทิศทางของโลกกำลังทวีความท้าทาย ความมั่นคงของภูมิภาคถูกกระทบจากปัจจัยภายนอกมากขึ้น โดยเฉพาะการแข่งขันของมหาอำนาจและความตึงเครียดที่ส่งผลให้ขาดความไว้วางใจ รวมทั้งแนวคิดพหุภาคีนิยมและภูมิภาคนิยมอ่อนแอลง ท่ามกลางปัญหาที่เกิดขึ้น อาเซียนจำเป็นต้องรักษาความแข็งแกร่งและเอกภาพ โดยมุ่งความร่วมมือเพื่อรักษาผลประโยชน์ร่วมกันของภูมิภาคเป็นหลัก เสริมสร้างบทบาทแกนกลางของอาเซียนให้เข้มแข็ง และขยายความร่วมมือกับพันธมิตรนอกภูมิภาคให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
ด้านประเด็นทะเลจีนใต้ ซึ่งนับเป็นความขัดแย้งร้อน นายกฯ แพทองธารเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความยับยั้งชั่งใจ หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุ ร่วมมือแก้ไขอย่างสันติ พร้อมเดินหน้าเร่งสรุปการเจรจา COC ให้ได้โดยเร็ว ตามกรอบกฎหมายระหว่างประเทศ สำหรับประเด็นวิกฤตปัญหาในเมียนมา ซึ่งเชื่อมโยงกับความมั่นคงและมนุษยธรรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไทยในฐานะรัฐเพื่อนบ้านย้ำจุดยืนชัดเจนถึงความจำเป็นที่อาเซียนต้องร่วมมือกันขับเคลื่อนกระบวนการทางการเมือง เพื่อหาทางออกต่อปัญหาที่เกิดขึ้น
นายกฯ ไทยยืนยันสนับสนุน AIPA ทำงานร่วมกับอาเซียน
นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร กล่าวปาฐกถาในการหารือระหว่างผู้นำอาเซียนกับผู้แทนสมัชชารัฐสภาอาเซียน (ASEAN Inter - Parliamentary Assembly : AIPA) ระบุว่าความพยายามของรัฐบาลอย่างเดียวไม่อาจบรรลุวิสัยทัศน์อาเซียนที่มุ่งสู่ประชาคมที่เจริญรุ่งเรืองและมีประชาชนเป็นศูนย์กลางได้ AIPA ในฐานะตัวแทนเสียงประชาชนจึงมีบทบาทสำคัญในการเสริมความเข้มแข็งให้กับประชาคมอาเซียน ใน 3 ด้านหลักคือ
1. การบูรณาการอย่างเป็นเอกภาพ ด้วยการส่งเสริมความสอดคล้องของกฎหมายและกฎระเบียบ เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้า การลงทุน และการเคลื่อนย้ายของประชาชนในภูมิภาค
2. การพัฒนากรอบกฎหมายให้มีประสิทธิภาพ สอดรับกับแนวโน้มความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงของโลก อาทิ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มลพิษทางอากาศ ยาเสพติด และอาชญากรรมออนไลน์ที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงและซับซ้อน
3. การส่งเสริมอัตลักษณ์อาเซียน ผ่านบทบาทของรัฐสภาในการสร้างการตระหนักรู้และสำนึกร่วมของการเป็นประชาคมเดียวกัน โดยเฉพาะการมุ่งสู่วิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนปี 2045
นายกรัฐมนตรีทิ้งท้ายด้วยการยืนยันสนับสนุนการมีส่วนร่วมและการทำงานร่วมกันระหว่าง AIPA กับอาเซียนผ่านสำนักเลขาธิการอาเซียน เพื่อร่วมกันฝ่าฟันความท้าทายในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้
นายกรัฐมนตรีไทยถกทวิภาคีกับผู้นำอาเซียน ขับเคลื่อนความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ - การเมือง - ความมั่นคง
นอกจากการประชุมในเวทีอาเซียน นายกรัฐมนตรีไทยยังได้หารือทวิภาคีกับผู้นำอาเซียนหลายประเทศ เร่งผลักดันความร่วมมือด้านต่าง ๆ ให้คืบหน้า ได้แก่
- การหารือกับสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนดารุสลาม เน้นย้ำความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการลงทุนร่วมกัน การป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษี และการจัดทำ MOU ด้านฮาลาล ความมั่นคงอาหาร และการลงทุนในอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล
- การหารือกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เร่งแก้ปัญหาข้ามแดนด้านการหลอกลวงออนไลน์ การค้ามนุษย์ และยาเสพติด พร้อมร่วมฉลองครบรอบ 75 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-กัมพูชาในปี 2568 นี้
- การหารือกับนายกรัฐมนตรีเวียดนาม มั่นใจการค้าระหว่างกันจะบรรลุเป้าหมาย 8.5 แสนล้านบาท ส่งเสริมการสนับสนุนการลงทุนของไทยในเวียดนาม พัฒนาความร่วมมือ Three Connects เชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน เศรษฐกิจท้องถิ่น และยุทธศาสตร์การพัฒนาที่ยั่งยืน รวมทั้งขอเปิดเที่ยวบินตรงเพิ่มระหว่างจังหวัดในไทยกับเมืองต่าง ๆ ในเวียดนาม
สรุป
การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนถือเป็นเวทีแสดงจุดยืนของไทยในฐานะผู้ส่งเสริมสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาค ด้วยการสนับสนุนความเป็นแกนกลางและเอกภาพของอาเซียน พร้อมมุ่งร่วมมือกับสมาชิกเพื่อแก้ปัญหาที่มีผลกระทบต่อภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ วิกฤตในเมียนมา หรือปัญหาข้ามแดน ในขณะเดียวกันไทยยังส่งเสริมบทบาทของกลไก AIPA ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของประชาคมอาเซียน ผ่านการพัฒนากฎหมาย กฎระเบียบ และการส่งเสริมอัตลักษณ์ร่วมกัน นอกจากนี้ ประเทศไทยยังแสดงบทบาทนำในการผลักดันความร่วมมือกับประเทศอาเซียนอื่น ๆ ทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี เพื่อร่วมกันฝ่าฟันอุปสรรคและขับเคลื่อนภูมิภาคไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนในอนาคต