ไทยย้ำหลักฐานทุ่นระเบิด–เหตุยิงชายแดน ชี้ชัดละเมิดจากกัมพูชา

รัฐบาลไทยย้ำข้อเท็จจริงชายแดน เดินหน้าชี้แจงนานาชาติ หลัง AOT ตรวจหลักฐานชัดเจน
วันนี้ (14 พฤศจิกายน 2568) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภาพรวมสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยยืนยันว่าหน่วยงานรัฐของไทยยังคงสื่อสารข้อเท็จจริงต่อประชาคมระหว่างประเทศอย่างเป็นระบบ ภายหลังเกิดเหตุทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิดและเหตุยิงใส่พื้นที่ไทยหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา
รัฐบาลเปิดเผยว่า กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับกองบัญชาการกองทัพไทย ได้สรุปสถานการณ์ให้คณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศทราบ โดยมีการชี้แจงถึงเหตุที่ทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ซึ่งไม่ใช่อาวุธที่ไทยครอบครอง พร้อมนำเสนอหลักฐานยืนยันการลอบวางใหม่ในเขตไทย โดยเฉพาะเหตุการณ์ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 ตลอดจนเหตุยิงบริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว ซึ่งสร้างความเสียหายต่อบังเกอร์และส่งผลกระทบต่อประชาชนใกล้เคียง
ด้านการตรวจพิสูจน์ของคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) ซึ่งลงพื้นที่ภายใต้การอำนวยความสะดวกของกองทัพไทย ได้เข้าตรวจสอบ 2 พื้นที่สำคัญ ได้แก่
ห้วยตามาเรีย จ.ศรีสะเกษ — ตรวจจุดที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด ตรวจสอบชิ้นส่วนที่ระเบิดแล้ว และพบทุ่นระเบิดใหม่จำนวน 3 ทุ่นในพื้นที่ใกล้เคียง
บ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว — ตรวจบังเกอร์ที่ถูกยิง พูดคุยกับชุดพิสูจน์หลักฐานและประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ เพื่อให้รับรู้ข้อเท็จจริงโดยตรง
รัฐบาลระบุว่าการลงพื้นที่ครั้งนี้ช่วยให้ AOT เห็นหลักฐานสำคัญทั้งในส่วนการใช้ทุ่นระเบิดและการใช้อาวุธข้ามแดน ซึ่งสะท้อนภาพรวมการละเมิดเขตปฏิบัติการของไทยอย่างชัดเจน
ในมิติการทูต กระทรวงการต่างประเทศได้ส่งหนังสือประท้วงถึงกัมพูชาหลายฉบับ พร้อมรายงานเหตุการณ์ต่อญี่ปุ่นในฐานะประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา และแจ้งไปยังสหประชาชาติ ขณะที่นายกรัฐมนตรีได้ส่งหนังสือถึงผู้นำมาเลเซียและประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นสักขีพยานของ Joint Declaration เพื่อให้นานาชาติรับทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้วเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2568
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุว่ารัฐบาลมีความกังวลต่อกระแสข่าวเท็จจากฝ่ายกัมพูชา เช่น ข้อกล่าวหาไทยวางทุ่นระเบิดเอง หรือเป็นฝ่ายเริ่มใช้กำลังก่อน รวมถึงกรณีนำภาพศพชาวกัมพูชาที่เสียชีวิตจากโรคประจำตัวในโรงพยาบาลไทยไปเผยแพร่เป็นภาพทหารเสียชีวิตจากการถูกควบคุมตัว นอกจากนี้ยังพบกรณีสำนักข่าวต่างประเทศรายงานข้อมูลผิดเกี่ยวกับทุ่นระเบิด ซึ่งไทยได้ประสานแก้ไขเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน
นายสิริพงศ์ย้ำว่า สถานการณ์ขณะนี้มีความอ่อนไหวจึงต้องยึดข้อมูลที่ผ่านการตรวจสอบ พร้อมขอให้ประชาชนระมัดระวังการส่งต่อข่าวสาร และยืนยันว่าไทยยังคงดำเนินการร่วมกันทุกภาคส่วนเพื่อรักษาอธิปไตย ดูแลความปลอดภัยของประชาชน และสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาคมโลกว่าไทยยึดหลักสันติวิธีและกฎหมายระหว่างประเทศเต็มรูปแบบ พร้อมดำเนินมาตรการตอบโต้ทางการทูตอย่างรอบคอบต่อการละเมิดที่เกิดขึ้น
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
