รีเซต

เพื่อนไม่ทิ้งกัน? จีน-รัสเซีย ประกาศจับมือแน่น ต้านแรงกดดันสหรัฐฯ ชาติตะวันตก

เพื่อนไม่ทิ้งกัน? จีน-รัสเซีย ประกาศจับมือแน่น ต้านแรงกดดันสหรัฐฯ ชาติตะวันตก
TNN ช่อง16
13 พฤศจิกายน 2568 ( 08:00 )

"จีน-รัสเซีย" พันธมิตรที่ชาติตะวันตกไม่ต้องการ(หรือกลัว) ?


บรรยากาศของสงครามการค้าโลก ที่ดูเหมือนว่าจะมีการพักรบชั่วคราว 1 ปี ระหว่างสหรัฐฯ และจีน เมื่อผู้นำสองชาติ ประธานาธิบดีทรัมป์ ของสหรัฐ และประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนได้ไปจับมือบรรลุข้อตกลงครั้งใหใหม่ ที่เกาหลีใต้ ซึ่งหัวใจหลักๆ คือ เรื่องการขึ้นภาษีการค้า แร่หายาก และเทคโนโลยี ซึ่งหลังจากนั้นทั้งสองประเทศก็มีการออกมาตรการประกาศออกมาเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่งัดข้อกันมานาน 


แต่อย่างไรก็ตาม ท่าทีของจีนจนถึงวันนี้ก็ยังคงแข็งกร้าวเช่นเดิม และยังคงเดินหน้าถ่วงดุลอำนาจโลกต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจับมือกับรัสเซีย ที่เป็นดั่งเพื่อนรัก พันธมิตรที่แข็งแกร่งมายาวนาน 


หลังจากจับมือกับสหรัฐฯเพียงแค่ไม่กี่วัน ทางการจีนก็ได้ประกาศเดินหน้าขยายความร่วมมือด้านการลงทุนและเศรษฐกิจกับรัสเซียอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เรียกได้ว่าเป็นการยืนเคียงข้างท่ามกลางกระแสต้านทานและแรงกดดันจากชาติตะวันตก โดยเฉพาะรัสเซียที่ถูกคว่ำบาตรจากการทำสงครามยูเครน-รัสเซีย และมีผลไปถึงการค้าและการลงทุน แต่จีนและรัสเซียก็ยังไม่ปล่อยมือ และยืนยันว่า “การรักษา เสริมสร้าง และพัฒนาความสัมพันธ์จีน-รัสเซีย คือทางเลือกเชิงยุทธศาสตร์ของทั้งสองประเทศ”


การพบปะระหว่างผู้นำจีน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และนายกรัฐมนตรีรัสเซีย มีคาอิล มิชูสติน จัดขึ้นที่มหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่ง เมื่อที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน นายกรัฐมนตรีจีน หลี่ เฉียง ได้เปิดการหารือกับผู้นำรัสเซียที่เมืองหางโจว เพื่อย้ำเป้าหมายเดียวกันในการ “ยกระดับความร่วมมือ” และ “ปกป้องผลประโยชน์ความมั่นคงร่วมกัน”


สื่อของรัฐบาลจีนรายงานว่า สี จิ้นผิง ได้ถึงความสัมพันธ์จีน-รัสเซียที่ยังทรงพลัง และยังเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคง แม้จะต้องเจอกับแรงเขย่าจากปัจจัยภายนอกก็ตาม พร้อมระบุว่าทั้งสองประเทศจะร่วมมือกันในหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น พลังงาน เกษตร อวกาศ เศรษฐกิจดิจิทัล และการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว และทั้งหมดนี้จะยกระดับกลายเป็นเครื่องยนต์แห่งการเติบโตใหม่ ให้กับจีนและรัสเซียได้ 


นายกฯของรัสเซียกล่าวเสริมว่า ทั้งจีนและรัสเซียจำเป็นต้องสร้างเงื่อนไขที่เอื้อต่อการลงทุนร่วม และสนับสนุนโครงการที่ทั้งสองฝ่ายดำเนินการร่วมกัน เพื่อผลักดันความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจให้ก้าวไปอีกระดับ


สำหรับรัสเซีย การเยือนจีนของมิชูสตินครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณสำคัญ เนื่องจากอยู่ในช่วงเวลาที่รัฐบาลมอสโกกำลังเผชิญกับ มาตรการคว่ำบาตรขนาดใหญ่จากตะวันตก ภายหลังสงครามยูเครน และต้องการลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ และในขณะเดียวกันการค้ากับจีนในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาก็มีการชะลอตัวลงด้วย 


โดยรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของรัสเซีย อันตอน อลิคานอฟ ได้ชี้แจงว่า สาเหตุหลักมาจาก “แรงกดดันทางเศรษฐกิจภายนอก” รวมถึง “สินค้าจีนที่ล้นตลาดในรัสเซีย” ข้อมูลจากศุลกากรจีนเผยว่า การส่งออกสินค้าในสกุลเงินหยวนจากจีนไปยังรัสเซียในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ลดลงถึง 21% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน ซึ่งเป็นการลดลงที่มากที่สุดในรอบ 7 เดือนที่ผ่านมา


แต่อย่างไรก็ตามการนำเข้าสินค้าจากรัสเซียไปยังจีนมีการฟื้นตัวขึ้น 3.8% ในเดือนกันยายน หลังจากที่ลดลงถึง 17.8% ในเดือนก่อนหน้านั้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของทรัพยากรจากรัสเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านพลังงานและสินค้าเกษตรที่ยังคงเป็นพื้นฐานสำคัญของการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ



รัสเซีย หนุน "จีนเดียว" ตอกย้ำ "หุ้นส่วนไร้ขีดจำกัด"  

 

จีน และรัสเซีย ได้ออกมาจับมือกันแน่น และยกระดับความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการ เมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว ก่อนที่จะเริ่มการโจมตีในยูเครน และรัสเซียก็ถูกคว่ำบาตรอย่างหนัก 


ย้อนกลับไปความสัมพันธ์ระหว่างจีนและรัสเซียได้ถูกยกระดับขึ้นมาประมาณ 3 ปีที่แล้ว เริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2022  ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ได้ลงนามใน “ข้อตกลงหุ้นส่วนไร้ขีดจำกัด” และหลังจากนั้นเพียงแค่ไม่กี่วันรัสเซียก็ได้เปิดฉากปฏิบัติการทางทหารในยูเครน ซึ่งนับจากนั้นเป็นต้นไป ปรากฎว่ารัสเซียได้พึ่งพาจีนมากขึ้นอย่างชัดเจน เพราะเจอกับผลกระทบจากการคว่ำบาตร โดยเฉพาะในด้านการค้า รัสเซียได้พึ่งการชำระเงินด้วยเงินหยวน และความร่วมมือด้านพลังงานที่ลึกซึ้งขึ้น 


แถลงการณ์ร่วมที่เผยแพร่บนเว็บไซต์รัฐบาลรัสเซียล่าสุด ระบุไว้าทั้งสองประเทศได้ประกาศว่าจะมีการเสริมสร้างความร่วมมือ ในทุกมิติ และตอบสนองต่อความท้าทายจากภายนอกอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ รัสเซียยังได้ยืนยันจุดยืนสนับสนุนนโยบาย “จีนเดียว” และแสดงการคัดค้านการเคลื่อนไหวใดๆ ที่นำไปสู่ “เอกราชของไต้หวัน” ด้วย  


และประเด็นเรื่องของไต้หวันก็เป็นหนึ่งในเรื่องใหญ่ ที่จะมาสั่นคลอนข้อตกลงระหว่าง สหรัฐฯ และจีน ครั้งล่าสุดได้ เพราะแม้มีการพักรบสงครามการค้าชั่วคราวแล้วก็ตาม แต่ “จีน” ก็ยังคงมีท่าทีที่แข็งกร้าวในความสัมพันธ์นี้ชัดเจน ล่าสุด คือ การออกคำเตือนไปถึงรัฐบาลทรัมป์ ขอให้อย่าล้ำเส้น 4 เรื่องสำคัญ 



"จีน" ออกโรงเตือน "สหรัฐฯ " อย่าล้ำ 4 เส้นแดง

 

ข้อมูลจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ทางการจีนออกมาเรียกร้องให้สหรัฐหลีกเลี่ยงการแตะต้อง 4 ประเด็นอ่อนไหวหลัก หากต้องการให้ข้อตกลงทางการค้าที่สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน และ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เพิ่งบรรลุเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมาที่เกาหลีใต้ สามารถดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืน 


เอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐฯ ระบุว่า ประเด็นที่จีนถือเป็นเส้นแดง (Red Lines) ที่สหรัฐไม่ควรล้ำเข้าไปมีอยู่ 4 เรื่อง ได้แก่ ไต้หวัน, ประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน, ระบบการเมืองของจีน และสิทธิในการพัฒนา (Development Rights)


เขากล่าวในสุนทรพจน์ออนไลน์ระหว่างการประชุมของสภาธุรกิจสหรัฐ-จีน (US-China Business Council)  โดยเน้นว่า “สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเคารพผลประโยชน์หลักและความกังวลสำคัญของแต่ละฝ่าย” พร้อมเรียกร้องให้ทั้งสองประเทศปฏิบัติตามฉันทามติที่ผู้นำทั้งสองได้ตกลงกันไว้ และแสดงให้โลกเห็นผ่านการกระทำและผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม เพื่อสร้างความมั่นใจต่อเศรษฐกิจโลก


พร้อมเตือนเพิ่มเติมว่า หากทั้งสองประเทศยังคงมีความขัดแย้งในเรื่องภาษี นโยบายอุตสาหกรรม หรือเทคโนโลยีต่อไป ทุกอย่างก็จะไม่มีทางนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดี นอกจากทางตันเท่านั้น 


และนี่ถือเป็นความเคลื่อนไหวซึ่งเป็นการสะท้อนถึงความซับซ้อนและความเปราะบางของความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่ต่างก็เป็นถึงสองประเทศมหาอำนาจของโลก ที่กุมส่วนแบ่งเศรษฐกิจของโลกเอาไว้


มหาอำนาจของโลก รบกันด้วยการค้า ต้องจับตากันต่อไป โดยเฉพาะตัวละครที่มากกว่าสหรัฐฯ และจีน คือ ประเทศพันธมิตรต่างๆ ล้วนแต่เป็นตัวแปรสำคัญ ที่จะมาเขย่าโลก และแน่นอนว่ากระทบทุกคนรวมถึงไทย 


ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง