รีเซต

กฎหมายที่ถูกเปิดใช้ในคดีส่วยเว็บพนัน จาก กมธ. ถึง ปปง.–สรรพากร

กฎหมายที่ถูกเปิดใช้ในคดีส่วยเว็บพนัน จาก กมธ. ถึง ปปง.–สรรพากร
TNN ช่อง16
14 พฤศจิกายน 2568 ( 13:26 )
7

เปิดกฎหมายสำคัญในคดีส่วยเว็บพนัน จากห้องประชุม กมธ. ถึงอำนาจ ปปง. และสรรพากร

การไลฟ์สดการประชุมคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ (กมธ.) ในคดีเส้นทางเงินเว็บพนัน ที่มีบุคคลระดับสูงเข้าชี้แจงต่อหน้าสาธารณชน เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้การตรวจสอบอำนาจรัฐขยายตัวสู่พื้นที่เปิดมากขึ้นกว่าเดิม ขณะที่ข้อมูลทางการเงิน เอกสารประกอบคดี และคำชี้แจงของผู้เกี่ยวข้องได้ถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวางผ่านการถ่ายทอดสด ทำให้กระบวนการทางกฎหมายของหลายหน่วยงานต้องเริ่มขยับพร้อมกัน ทั้งด้านฟอกเงิน ภาษี และวินัยตำรวจ เหตุการณ์นี้จุดประกายให้เห็นภาพว่ากฎหมายหลายฉบับถูกดึงเข้ามาเกี่ยวข้องตั้งแต่ “ต้นทางในห้องประชุม” ไปจนถึง “ปลายทางของการสอบสวนเชิงลึก”

การถ่ายทอดสดการประชุม กมธ. เกิดขึ้นภายใต้กรอบข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 และ พ.ศ. 2551 ซึ่งอนุญาตให้ประชาชนรับชมได้เมื่อที่ประชุมมีมติเปิดเผย พร้อมกำหนดให้สมาชิกระมัดระวังถ้อยคำที่อาจละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น การอนุญาตให้ไลฟ์สดในคดีเว็บพนันจึงทำให้ข้อมูลจำนวนมาก เช่น รายชื่อผู้รับเงินหรือเส้นทางโอนเงิน ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะทันที และทำให้ทุกคำกล่าวมีสถานะเป็นข้อมูลที่สามารถตรวจสอบได้ภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

แม้ กมธ. ไม่มีอำนาจชี้ผิดหรือดำเนินคดี แต่รัฐธรรมนูญและข้อบังคับสภามอบอำนาจในการเรียกเอกสาร พยาน และข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปใช้ประกอบการพิจารณาและปรับปรุงกฎหมาย เมื่อข้อมูลถูกเปิดเผยในที่ประชุม หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย เช่น ปปง. ปปท. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมสรรพากร สามารถรับไม้ต่อทันทีเพื่อดำเนินการในส่วนที่อยู่ในอำนาจของแต่ละองค์กร ทำให้การไต่สวนคดีเว็บพนันในครั้งนี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่เวทีรัฐสภา แต่เคลื่อนเข้าสู่กระบวนการสอบสวนเชิงลึกในอีกหลายระดับ

อำนาจของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เป็นกลไกสำคัญในระยะต่อมา เนื่องจาก พ.ร.บ.ฟอกเงินให้อำนาจตรวจสอบเส้นทางการเงินย้อนหลัง อายัดบัญชี 90 วันโดยไม่ต้องขอศาล และยึดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด ขอบเขตอำนาจนี้ครอบคลุมถึงผู้ที่รับเงินหรือเกี่ยวข้องกับเงินจากเว็บพนัน แม้ไม่ได้มีบทบาทในการจัดเว็บโดยตรง ทำให้ข้อมูลที่เปิดเผยใน กมธ. สามารถกลายเป็นจุดตั้งต้นของการตรวจสอบเส้นทางเงินจำนวนมากแบบละเอียด

ขณะเดียวกัน กรมสรรพากรมีบทบาทในการตรวจสอบ “เงินได้พึงประเมิน” ตามประมวลรัษฎากร ซึ่งหมายความว่าเงินที่ได้มาจากเว็บพนัน แม้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็ยังถือเป็นรายได้ที่ต้องเสียภาษี การเปิดเผยรายชื่อบัญชีรับเงินหรือผู้เกี่ยวข้องในคดีนี้จึงทำให้กรมสรรพากรสามารถตรวจสอบย้อนหลัง 5–10 ปี พร้อมเรียกเก็บภาษี เบี้ยปรับ และโทษอาญาหากพบการหลีกเลี่ยงภาษี ส่งผลให้ผู้ที่ถูกพาดพิงมีภาระทางกฎหมายหลายด้านพร้อมกัน

สำหรับเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะตำรวจที่ถูกกล่าวถึงในที่ประชุม อำนาจตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ มาตรา 117 เปิดทางให้ผู้บังคับบัญชาสามารถตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง สั่งย้าย หรือสั่งพักราชการได้เมื่อพบหลักฐานเบื้องต้นว่าอาจมีมูลในข้อกล่าวหา กลไกนี้ทำให้การตรวจสอบทางวินัยและการตรวจสอบภายนอกสามารถเดินคู่ขนานกันไปได้แบบทันที ไม่จำเป็นต้องรอผลคดีอาญา

เมื่อเชื่อมโยงภาพรวมของกระบวนการทั้งหมด จะเห็นว่าคดีส่วยเว็บพนันกำลังเดินหน้าในหลายเส้นทางพร้อมกัน ทั้งด้านกฎหมายฟอกเงิน ภาษี และวินัยตำรวจ ซึ่งล้วนได้รับแรงส่งจากข้อมูลที่ปรากฏในห้องประชุม กมธ. การทำงานเชื่อมต่อของหลายหน่วยงานเช่นนี้กำลังผลักให้การตรวจสอบเครือข่ายเงินผิดกฎหมายและกลไกผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องถูกเปิดเผยมากขึ้นในแต่ละขั้นตอน และอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่สำคัญในระยะยาว

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง