รีเซต

น้ำท่วมตรงไหน น้ำขังเท่าไหร่ ข้อมูลจากดาวเทียม ช่วยแก้-ป้องกันปัญหาน้ำท่วมได้อย่างไรบ้าง ?

น้ำท่วมตรงไหน น้ำขังเท่าไหร่ ข้อมูลจากดาวเทียม ช่วยแก้-ป้องกันปัญหาน้ำท่วมได้อย่างไรบ้าง ?
TNN ช่อง16
14 พฤศจิกายน 2568 ( 16:06 )
8

ภัยพิบัติ อุทกภัยน้ำท่วม มักเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยบ่อยครั้งหลังฝนตกหนัก น้ำระบายไม่ทัน ซึ่งปี 2568 ก็เป็นอีกครั้งที่เกิดน้ำท่วมในหลายจุดทั้งในภาคเหนือ และปัจจุบัน ในภาคกลาง และกำลังจะไปถึงภาคใต้ด้วย 

แต่ปีนี้ สิ่งที่มีบทบาทอย่างมาก ในการช่วยให้เราได้เห็นภาพน้ำท่วม น้ำขัง และการระบายน้ำได้ คือรูปถ่ายจากดาวเทียม ซึ่งตอนนี้ ไทยมีดาวเทียมอย่างดาวเทียม THEOS-1 และ 2 ไปถึงดาวเทียมไทยโชต ที่คอยติดตามภาพอย่างต่อเนื่อง 

ดร.พรเทพ นวกิจกนก ผู้อำนวยการศูนย์ผลิตดาวเทียมแห่งชาติ GISTDA เล่าถึงความสำคัญ และจำเป็นของดาวเทียม ในช่วงน้ำท่วมนี้ ที่ ดร.พรเทพมองว่า ดาวเทียมได้เข้ามามีส่วนร่วมในทุกกระบวนการ 

“ในช่วงของการแจ้งเตือนการก่อนเกิดเหตุเนี่ยก็มีการใช้ข้อมูลดาวเทียม  เพื่อที่จะประเมินเรื่องของพายุที่จะเข้า หรือว่าปริมาณเมฆฝนที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆ  ในส่วนช่วงระหว่างที่เกิดเหตุก็จะมีการติดตามพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งข้อมูลดาวเทียมจาก GISTDA เรามีข้อมูลทั้งเซ็นเซอร์ที่เป็นประเภทเชิงแสง (optical) ซึ่งเซ็นเซอร์นี้ ก็จะถูกนำมาใช้ในช่วงของน้ำท่วม รวมถึงอีกประเภท คือ SAR ซึ่งสามารถที่จะถ่าย
ทะลุเมฆได้” 

ทั้งดาวเทียม SAR ยังสามารถตรวจดูความแตกต่างระหว่างพื้นดินและบริเวณที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยสามารถเทียบกับข้อมูลการบินผ่านของดาวเทียมในรอบก่อนหน้า เพื่อความแม่นยำของการประเมินพื้นที่ประสบอุทกภัยด้วย

ซึ่งไม่เพียงแค่ในช่วงก่อน และระหว่างน้ำท่วมเท่านั้น ดร.พรเทพยังชี้อีกว่า ข้อมูลจากดาวเทียมนั้นยังช่วยในช่วงการฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยด้วย ทั้งในการประเมินพื้นที่ความเสียหาย รวมถึงการวางแผนการช่วยเหลือพื้นที่เหล่านั้นด้วย 

จากข้อมูลของ GISTDA ดาวเทียม THEOS-2 เป็นดาวเทียมสำรวจทรัพยากรธรรมชาติความละเอียดสูงดวงที่ 2 ของประเทศไทย มีกล้องบันทึกภาพแบบ Panchromatic ความละเอียดแยกวัตถุขนาด 50 เซนติเมตร และแบบ Multispectral ที่แยกรายละเอียดวัตถุขนาด 2 เมตรบนพื้นดินได้ ทำให้สามารถนำภาพถ่ายล่าสุดมาใช้ตรวจดูพื้นที่ประสบอุทกภัยได้

ทั้งภาพจากดาวเทียม THEOS-1 ยังสามารถแยกแยะลักษณะของมวลน้ำที่ท่วมขังในแต่ละพื้นที่ได้ โดยสีน้ำตาลบ่งชี้ถึงมวลน้ำที่ปะปนมากับตะกอนดิน ซึ่งเป็นสัญญาณของ มวลน้ำที่เพิ่งไหลเข้ามาท่วมในพื้นที่ ล่าสุด ส่วนสีเข้มแสดงถึง มวลน้ำที่ท่วมขังอยู่เป็นเวลานาน รวมถึง ข้อมูลจากดาวเทียมยังช่วย ยืนยันและสร้างความเข้าใจ ถึงขอบเขตความเสียหายที่แท้จริงว่าไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะพื้นที่ใกล้เคียงกับแม่น้ำเท่านั้น แต่มีการ กระจายไปยังเขตชุมชนหลายๆ แห่ง ในหลายพื้นที่ด้วย 

โดยน้ำท่วมในปี 2568 เอง ดาวเทียมก็ได้ถ่ายภาพรายงานในทุกๆ วัน ถึงสถานการณ์ และพื้นที่น้ำท่วม โดยทาง GISTDA ชี้ว่า เป็นการจัดการน้ำแบบองค์รวม ไม่ว่าจะเป็นน้ำจากเขื่อน การมอนิเตอร์ระดับน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ บูรณาการกับข้อมูลจากภาครัฐ วางแผนเป็นการจัดการภัยพิบัติ

ซึ่งไม่เพียงแค่น้ำท่วมในครั้งนี้ ภาพ และข้อมูลจากดาวเทียมยังจะถูกนำไปวิเคราะห์ และวางแผนต่อ กับคณะทำงาน และอนุกรรมการต่างๆ เพื่อรับมือน้ำท่วมในครั้งต่อๆ ไปด้วย 

นอกจากภาพถ่ายดาวเทียมแล้ว ดร.พรเทพยังแนะนำว่า ทาง GISTDA มีแอปพลิเคชันที่ชื่อว่า ‘เช็กน้ำ’ ที่บอกเรื่องสถานะของน้ำในพื้นที่ต่างๆ และยังมีการแจ้งเตือนภัยพิบัติที่เกิดขึ้น มีการประมาณการเอ่อของระดับน้ำในพื้นที่ที่ประชาชนอยู่ รวมถึงสามารถติดตามสถานะของน้ำในบริเวณต่างๆ เรียลไทม์ได้ด้วย 
https://disaster.gistda.or.th/dashboard

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง