ยายวัย 81 ไตเสื่อม เลี้ยงลูกพิการ 2 คน ถูกลูกคนสุดท้อง นำที่ดินไปขาย นายทุนจ่อยึดบ้าน
ยายวัย 81 ไตเสื่อม เลี้ยงลูกพิการ 2 คน ถูกลูกคนสุดท้อง นำที่ดินไปขาย นายทุนจ่อยึดบ้าน เผยร้องไห้ตรอมใจทุกวัน วอนสำนักงานยุติธรรมช่วย
25 พ.ย. 2564 - นายสุวิทย์ แสงสิริวัฒนะ ทนายความประจำสำนักงานยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ ลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่ นางหงุ่น ภูมิชัย อายุ 81 ปี เจ้าของบ้าน หลังร้องขอความเป็นธรรมให้ช่วยเหลือด้านคดี กรณีลูกสาวแอบนำโฉนดที่ดินจำนวน 18 ไร่ ไปแบ่งขายและก่อหนี้ ทำให้บ้านพักอาศัยอยู่ในชั้นบังคับคดี และกำลังถูกนายทุนประกาศขายทอดตลาด
นายสุวิทย์ กล่าวว่า เห็นสภาพครอบครัวและความเป็นอยู่ของ นางหงุ่น แล้ว รู้สึกหดหู่ใจมาก เนื่องจากเป็นผู้สูงวัย ป่วยเป็นโรคเบาหวานและมีอาการไตเสื่อมทั้ง 2 ข้าง ค่าไตเหลือเพียง 3% นอกจากนี้ยังอาศัยและเลี้ยงดูลูกพิการป่วยติดเตียง 2 คน คือ นางสาวสมนึก ภูมิชัย อายุ 60 ปี และ น.ส.วิลัยวรรณ ภูมิชัย อายุ 58 ปี
เดิมที นางหงุ่น มีที่ดินประมาณ 18 ไร่เศษ มีชื่อสามีเป็นคนถือกรรมสิทธิ์ มีลูกด้วยกัน 6 คน หลังจากสามีเสียชีวิต เมื่อปี 2554 ลูกสาวคนสุดท้องได้ขอเป็นผู้จัดการมรดก จากนั้นปี 2556 ลูกสาวคนสุดท้องได้จัดการโอนที่ดินมรดกให้ทายาท 4 ไร่ ส่วนที่เหลือได้โอนเป็นชื่อตนเองแล้วทำการแบ่งขายไปเกือบทั้งหมด จนเหลือที่ดินเพียง 3 ไร่เศษ โดยที่ดินที่เป็นส่วนที่ปลูกบ้านอาศัยแบ่งแยกไว้ 2 ไร่เศษ นางหงุ่นเป็นคนเก็บรักษาโฉนดไว้ ส่วนที่ดินที่เหลือทั้งหมด ลูกสาวคนสุดท้องได้ขายให้กับนายทุนจนหมด ก่อนย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดกับสามี
กระทั่งปี 2563 ลูกสาวคนดังกล่าวได้ไปแจ้งว่าโฉนดที่ดินหาย เพื่อขอออกโฉนดใหม่ ในระหว่างนั้นลูกสาวมีหนี้สินหลายแห่ง จนกระทั่งถูกฟ้องเป็นคดี และคดีอยู่ระหว่างรอประกาศขายทอดตลาด ซึ่งหมายถึงว่าตอนนี้บ้านที่นางหงุ่นอาศัย ถูกบังคับคดีเพื่อขายทอดตลาด โดยหมายบังคับคดีลงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563
นางหงุ่น กล่าวว่า ด้วยความรักและเชื่อใจลูกสาวคนสุดท้องให้เป็นผู้จัดการมรกดดังกล่าว ไม่นึกว่าลูกสาวคนนี้ซึ่งเป็นลูกในไส้แท้ๆ ที่ตนรักมาก จะแอบโอนเป็นชื่อตนและแอบแบ่งขายดังกล่าว ตนเศร้าใจ ร้องไห้ทุกวัน แทบจะตรอมใจ นอกจากนี้บางส่วนยังนำไปขายฝากกับนายทุนอีก
"สุขภาพฉันไม่ดี อายุมากแล้วยังลุกเดินลำบาก เป็นเบาหวานมีโรคประจำตัว ไตเสื่อม 2 ข้าง ยังต้องคอยป้อนน้ำป้อนข้าว ให้ลูกที่พิการติดเตียงอีก 2 คน บ้านที่ปลูกสร้างเพื่อพักอาศัยกับลูกพิการยังจะถูกขายทอดตลาด เพราะลูกสาวคนสุดท้องก่อเหตุ ฉันไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร จึงขอความช่วยเหลือจากกระบวนการยุติธรรม
สำหรับหลักฐานที่ดิน 18 ไร่ ที่ นางหงุ่น ระบุและมีอยู่ในปัจจุบันลูกสาวคนเล็กโอนเป็นชื่อตนและขายไปแล้ว 4 แปลง แบ่งให้พี่สาวและพี่ชาย 2 แปลง จำนวน 4 ไร่ และส่วนที่เหลือคือที่ปลูกสร้างบ้านกำลังจะถูกนายทุนยึด