รีเซต

“เนปาลลุกเป็นไฟ” เมื่อความอวดรวยกลุ่มทายาทนักการเมือง ตอกย้ำความเหลื่อมล้ำ จุดไฟโกรธประชาชน

“เนปาลลุกเป็นไฟ” เมื่อความอวดรวยกลุ่มทายาทนักการเมือง ตอกย้ำความเหลื่อมล้ำ จุดไฟโกรธประชาชน
TNN ช่อง16
10 กันยายน 2568 ( 19:03 )
10

ช่วงนี้ เราอาจเห็นข่าวการประท้วงรุนแรงในเนปาล จากกระแสความไม่พอใจบนโลกโซเชียล สู่ความเกรี้ยวกราดที่ยากเกินควบคุมบนท้องถนน 


เผาอาคารรัฐสภา บุกทำร้ายร่างการนักการเมือง และผู้นำคนสำคัญระดับประเทศ อะไรทำให้เนปาลมมาถึงจุดนี้ 


#Nepo Kids เมื่อความอวดรวย สะท้อนความเหลื่อมล้ำ


ไม่กี่สัปดาห์ก่อนจะเกิดการประท้วงใหญ่ครั้งนี้ บนโซเชียลมีเดียในเนปาลเกิดกระแส #NepoBaby  และ #NepoKids ซึ่งเป็นคำอธิบายถึงลูกหลานนักการเมือง ผู้ใช้ชีวิตหรูหรา และโพสต์ไลฟ์สไตล์ของพวกเขาลงโซเชียลมีเดีย ท่ามกลางเศรษฐกิจประเทศกำลังย่ำแย่ และประชาชนส่วนใหญ่ต้องใช้ชีวิตยากจน 


ประชาชนบางส่วน กล่าวหาว่า กลุ่มทายาทนักการเมืองเหล่านี้ ประสบความสำเร็จ และใช้ชีวิตหรูหรา จากเงินภาษีประชาชน ในช่วงเวลาที่ประชาชนส่วนใหญ่ต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย 


กระแส #NepoKids กลายเป็นไวรัลในเนปาล สะท้อนให้เห็นถึงความไม่พอใจต่อความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นในสังคมที่สั่งสมมายาวนาน 


คลิปวิดีโอต่าง ๆ ถูกโพสต์ลงบนโซเชียลมีเดีย แสดงภาพเปรียบเทียบระหว่างชีวิตที่หรูหราของลูกหลานคนรวย กับประชาชนทั่วไป ที่ต้องใช้ชีวิตลำบาก และยังเป็นคนที่ต้องจ่ายภาษี เพื่อให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตสุขสบาย 

แบนโซเชียล ชนวนเหตุประท้วงเดือด 


จากความไม่พอใจบนโซเชียลมีเดีย เริ่มแปรเปลี่ยนสู่การลงถนนครั้งใหญ่ในรอบหลายสิบปี เมื่อฟางเส้นสุดท้ายของพวกเขาขาดลง หลังมีคำสั่งแบน “โซเชียลมีเดีย” 


รัฐบาลเนปาลสั่งแบนโซเชียลมีเดีย ทั้งหมด 26 แพลตฟอร์ม ซึ่งรวมถึง WhatsApp, Instagram, YouTube และ Facebook โดยให้เหตุผลว่า แพลตฟอร์มเหล่านี้ ไม่ได้ลงทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย และเป็นช่องทางเผยแพร่ข่าวปลอม ขณะที่ กลุ่มผู้ต่อต้านมองว่า เป็นความพยายามของรัฐบาลที่จะปิดปากความไม่พอใจของพวกเขา 


โซเชียลมีเดีย ถือเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของชาวเนปาล คำสั่งดังกล่าว ยิ่งโหมกระหน่ำความไม่พอใจของคนหนุ่มสาวมากขึ้นไปอีก ส่งผลให้กลุ่มวัยรุ่น ผู้เรียกตัวเองว่า “GenZ” รวมตัวประท้วงลงถนนครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 8 กันยายน เรียกร้องรัฐบาลยกเลิกการแบนโซเชียลมีเดีย และยุติปัญหาทุจริตที่เกิดขึ้น 

สลายการชุมนุม โหมความรุนแรงกระจายทั่วประเทศ


ช่วงแรกการประท้วงเป็นไปด้วยความสงบ แต่เมื่อรัฐบาลสั่งสลายการชุมนุม การชุมนุมแบบสันติจึงแปรเปลี่ยนเป็นความรุนแรงทันที


เจ้าหน้าที่ตำรวจสลายการชุมนุม ด้วยการใช้กระบอง, แก๊สน้ำตา, รถฉีดน้ำแรงดันสูง และกระสุนยาง เกิดการปะทะกันทั้ง 2 ฝ่าย จนทำให้มีผู้ประท้วง เสียชีวิต 19 ราย บาดเจ็บเกือบ 200 คน ตำรวจประกาศเคอร์ฟิว เพื่อควบคุมสถานการณ์


ความรุนแรงนี้ จุดกระแสความโกรธเกี้ยว ไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ เพราะมองว่า เจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรงเกินเหตุ คนทุกวัย ทุกเจน เข้าร่วมขบวนประท้วงครั้งนี้ ยิ่งทำให้สถานการณ์บานปลายหนักกว่าเดิม  


ผู้ประท้วงบุกเผารัฐสภา โจมตีอาคารรัฐบาล รวมถึงบ้านพักนักการเมืองทั่วประเทศ ส่งผลให้ เค.พี. ชาร์มา โอลี นายกรัฐมนตรีเนปาล ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง เพื่อแสดงความรับผิดชอบ


ไร้ผู้นำประเทศ เกิดสุญญากาศทางการเมือง


การลาออกของนายกฯ ไม่ได้ทำให้ปัญหานี้สิ้นสุดลง เพราะเกิดสุญญากาศทางการเมือง ไร้ผู้นำประเทศ ขณะเดียวกัน ทางฝั่งผู้ประท้วงก็ไม่มีแกนนำชัดเจน การประท้วงจึงรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ 


มีการทำร้ายร่างกายนักการเมือง และรัฐมนตรีกระทรวงต่าง ๆ เสียงผู้ประท้วงแตกออกเป็น 2 ฝ่าย ถึงการกระทำที่เกินกว่าเหตุ


ด้าน พลเอกอโศก ราช สิกเดล ผู้บัญชาการทหารบกของเนปาล ออกแถลงการณ์กล่าวหาผู้ประท้วงว่าฉวยโอกาสจากวิกฤตการณ์ปัจจุบัน ด้วยการทำลายทรัพย์สิน ปล้นสะดม และวางเพลิงอาคาร ทั้งของภาครัฐและเอกชน


แถลงการณ์ระบุว่า หากความไม่สงบยังคงดำเนินต่อไป สถาบันความมั่นคงทั้งหมด รวมถึงกองทัพเนปาล มีความมุ่งมั่นที่จะเข้าควบคุมสถานการณ์ ขณะเดียวกัน พลเอกอโศก ราช สิกเดล ก็ได้เชิญชวนผู้ประท้วงให้เข้าร่วมการเจรจาเพื่อหาทางออกให้กับสถานการณ์ความไม่สงบที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายสิบปีของเนปาล


เนปาลจะเป็นอย่างไรต่อไป ?


คำถามต่อมา แล้วสถานการณ์ในเนปาลจะเป็นอย่างไรต่อ หากความสงบไม่เกิดขึ้น 


สำนักข่าว BBC รายงานว่า หลังจากนายกรัฐมนตรีลงจากตำแหน่ง ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า ใครจะขึ้นมาเป็นผู้นำคนต่อไป 


มีรายงานว่า รัฐมนตรีบางคน ต้องลี้ภัยไปอยู่กับกองกำลังความมั่นคง เพื่อปกป้องตัวเอง และครอบครัวจากอันตรายบนท้องถนน 


จนถึงขณะนี้ ผู้ประท้วงส่วนใหญ่ยังคงฝ่าฝืนมาตรการเคอร์ฟิวที่ไม่มีกำหนดในกาฐมาณฑุ และที่อื่น ๆ


กลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความรับผิดชอบ และปฏิรูปการปกครองใหม่ แต่ถ้าหากรัฐบาลไม่มีส่วนร่วมอย่างจริงจัง นักวิเคราะห์เตือนว่าความไม่สงบอาจทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีนักศึกษาและกลุ่มประชาสังคมเข้าร่วมด้วย


แหล่งข้อมูลอ้างอิง: 


https://www.bbc.com/news/articles/crkj0lzlr3ro

https://www.cbc.ca/news/world/protests-nepal-1.7629370

https://timesofindia.indiatimes.com/world/south-asia/the-future-is-ours-nepal-parliament-set-ablaze-by-protesters-watch/articleshow/123802716.cms

ข่าวที่เกี่ยวข้อง