เนปาลใช้เทคโนโลยี 3D บันทึก “วัดพุทธ” ก่อนจะสูญสลาย

กลุ่มนักวิทยาศาสตร์จาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีกราซ (TU Graz) ประเทศออสเตรีย ได้พัฒนาและนำเทคโนโลยี สแกนสามมิติ (3D Scanning) และ โดรนถ่ายภาพความละเอียดสูง มาใช้ในการ อนุรักษ์สถาปัตยกรรมพุทธโบราณ ในภูมิภาค Dolpo ของประเทศเนปาล ซึ่งเต็มไปด้วยวัดและเจดีย์อายุกว่าพันปี
เป้าหมายสำคัญคือ “การเก็บข้อมูลดิจิทัลอย่างละเอียด” เพื่อป้องกันไม่ให้โบราณสถานเหล่านี้สูญหายจากภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว ฝนตกหนัก หรือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเคยสร้างความเสียหายร้ายแรงให้กับมรดกวัฒนธรรมในอดีตของเนปาลมาแล้วหลายครั้ง
เทคโนโลยี 3D กับภารกิจ “รักษาอดีตไว้ในโลกดิจิทัล”
ทีมวิจัยจาก TU Graz ใช้เทคนิค photogrammetry หรือเทคโนโลยีการสร้างแบบจำลอง 3 มิติ จากภาพถ่าย 2 มิติจำนวนมาก โดยใช้หลักการเรขาคณิตเชิงภาพถ่าย และ laser scanning เทคโนโลยีการเก็บข้อมูลเชิงพื้นที่ โดยใช้แสงเลเซอร์ยิงออกไปยังวัตถุ เพื่อวัดระยะทาง ความลึก และรูปร่างอย่างละเอียดระดับมิลลิเมตร ในการบันทึกรายละเอียดของวัดพุทธทุกส่วน ตั้งแต่โครงสร้างหลังคา เจดีย์ ประตูแกะสลัก ไปจนถึงภาพจิตรกรรมฝาผนังภายใน
ภาพถ่ายจากโดรนหลายมุมจะถูกนำมาสร้างเป็น โมเดล 3 มิติแบบ Digital Twin แบบจำลองดิจิทัลของสิ่งของ ซึ่งสามารถหมุน ดู และวิเคราะห์ได้ในคอมพิวเตอร์เสมือนกำลังยืนอยู่ที่สถานที่จริง
เทคโนโลยีนี้ช่วยให้นักอนุรักษ์สามารถ
ตรวจสอบความเสียหายของอาคารได้อย่างแม่นยำ
วางแผนการบูรณะโดยไม่ต้องสัมผัสวัตถุจริง
และสามารถจำลองการซ่อมแซมในระบบจำลองก่อนลงมือได้
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันทางทีมนักวิจัย จะโฟกัสการใช้เทคโนโลยีกับอารามเล็ก ๆ เป็นหลัก โดยอาราม เชย์ กอมปา (Shey Gompa) ถือเป็นอารามที่มีชื่อเสียงมากที่สุด โดยปัจจุบันทางทีมนักวิจัย ได้ดำเนินการวิจัยไปแล้วทั้งหมด 4 ครั้ง ในช่วงระหว่างปี 2561 ถึง 2566 ทางทีมตั้งเป้าศึกษาสถานที่ทางพุทธศาสนา 18 แห่งในเนปาล โดยมี 16 แห่งแล้ว ที่ได้รับการวิเคราะห์และสำรวจ
เปิดประตูสู่ “การท่องเที่ยวเสมือนจริง” และการศึกษาออนไลน์
นอกจากการอนุรักษ์แล้ว โมเดล 3D ยังเปิดประตูสู่มิติใหม่ของ การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเสมือนจริง (Virtual Tourism) ผู้คนทั่วโลกสามารถ “เดินชมวัดพุทธในเนปาล” ได้ ผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ VR เสมือนเข้าไปอยู่ในสถานที่จริง โดยไม่ต้องเดินทางข้ามโลก
นักเรียนและนักวิจัยสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงโครงสร้าง รวมถึงรายละเอียดทางศิลปะและสถาปัตยกรรมที่ไม่สามารถหาดูได้ง่าย ๆ ได้ กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการเรียนรู้เกี่ยวกับศาสนา ประวัติศาสตร์ และเทคโนโลยีร่วมสมัย
สิ่งสำคัญอีกอย่างคือ “ความร่วมมือกับชุมชนท้องถิ่น” ชาวบ้าน พระภิกษุ และองค์กรอนุรักษ์ในเนปาลได้เข้ามามีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน เพื่อให้การบันทึกและฟื้นฟูเป็นไปตามหลักศาสนาและความเชื่อ ขณะเดียวกันก็สร้าง “ความภูมิใจ” ให้กับคนในพื้นที่ ที่เห็นมรดกของตนถูกเก็บรักษาในรูปแบบใหม่
ความท้าทายที่ยังต้องก้าวข้าม
แม้เทคโนโลยี 3D จะเปิดทางใหม่ในการอนุรักษ์ แต่ก็ยังมีอุปสรรค เช่น
สภาพแสงและสภาพอากาศในพื้นที่สูงส่งผลต่อการเก็บภาพ
ข้อจำกัดด้านพลังงานและการขนส่งอุปกรณ์
รวมถึงต้นทุนที่ยังสูงเมื่อเทียบกับงบประมาณของโครงการอนุรักษ์ท้องถิ่น
อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่ได้ ได้กลายเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า เทคโนโลยีสมัยใหม่สามารถ “เชื่อมอดีตเข้ากับอนาคต” ได้อย่างแท้จริง
แหล่งที่มา : interestingengineering.com/
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
