'บิ๊กป้อม' มอบนโยบายทส. ย้ำใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ฟื้นเศรษฐกิจ สร้างรายได้ชุมชนยั่งยืน
เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ที่ห้องอารีย์สัมพันธ์ อาคาร กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในโอกาสเดินทางมาตรวจเยี่ยมกระทรวงฯ โดยมี นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำคณะผู้บริหารระดับสูงในสังกัดกระทรวงร่วมให้การต้อนรับ พร้อมทั้งรายงานสรุปแนวทางการขับเคลื่อนการดำเนินงานของกระทรวงฯ ในรอบปีงบประมาณที่ผ่านมา
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอขอบคุณบุคลากรทุกภาคส่วน ที่ได้ปฏิบัติงานในการสนองตามนโยบายของรัฐบาลในการแก้ปัญหาให้กับประชาชนเป็นอย่างดี พร้อมมอบนโยบายที่สำคัญ สำหรับการดำเนินงานในปี 2564 โดยประการแรก เน้นย้ำเรื่อง การเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขของประเทศ ทรงปกครองประชาชนและแผ่นดินไทยให้ได้รับความร่มเย็นเป็นสุขตลอดมา ดังนั้น อยากให้ร่วมกันปกป้อง รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ขอเน้นย้ำการเพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยให้มีการสำรวจและจัดหาอุปกรณ์ในการปฏิบัติงานให้มีความเพียงพอ มีการพัฒนาศักยภาพของเจ้าหน้าที่ให้สูงขึ้น ทั้งด้านองค์ความรู้และสมรรถภาพร่างกาย
รวมถึงสร้างขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ระดับล่าง อีกทั้ง ยังเน้นย้ำให้สร้างความร่วมมือกับพลังประชาชน เอกชน รวมถึงท้องถิ่น “เพื่อร่วมขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน” โดยต้องขับเคลื่อนงานเดิม ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลในการสร้างสุขให้คนไทย ดังนี้ 1.เรื่องการจัดที่ดินทำกินและอยู่อาศัย ในลักษณะแปลงรวมแก่ราษฎรผู้ยากไร้ หรือไร้ที่ดินทำกิน ภายใต้คณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ได้ขอให้เร่งรัดการสำรวจพื้นที่การอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ รวมถึงการสร้างสาธารณูปโภคและพัฒนาอาชีพควบคู่ไปด้วย และดำเนินการฟื้นฟู พัฒนาป่าชุมชน ให้มีศักยภาพเพื่อเป็นแหล่งการสร้างงาน สร้างอาชีพและรายได้ของชุมชน รวมถึงเป็นแหล่งอาหารของราษฎรเพื่อลดรายจ่ายของครัวเรือน
2.เรื่องการปลูกป่า และเพิ่มพื้นที่สีเขียว ภายใต้โครงการปลูกป่าและป้องกันไฟป่า ซึ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการร่วมกับศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน 904 วปร. 3.เรื่องการดำเนินงานด้านทรัพยากรน้ำขอให้บูรณาการทั้งน้ำผิวดิน และน้ำบาดาล เพื่อการอุปโภคบริโภค น้ำเพื่อการเกษตร อุตสาหกรรม และเพื่อบริการการท่องเที่ยว 4.เรื่องการเร่งรัดการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อเกษตรแปลงใหญ่ การจัดตั้งจุดจ่ายน้ำบาดาล ในเส้นทางคมนาคมหลัก และต้องมีการเติมน้ำใต้ดินเพื่อเป็นแหล่งเก็บกักน้ำธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุด 5.การแก้ปัญหาคุณภาพอากาศ และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ต้องมีการวางมาตรการและวิธีปฏิบัติในการป้องกันและลดผลกระทบ
โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และติดตั้งสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศให้มากขึ้นโดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยง และ 6.การแก้ไขปัญหาสัตว์ป่า (ช้างและลิง) ออกจากป่ามารบกวนราษฎรในบริเวณใกล้ป่า รวมถึงการดูแล และอนุรักษ์สัตว์ทะเลหายาก ปะการัง และแหล่งหญ้าทะเล ในส่วนของ การป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติ เพื่อลดผลกระทบ การสูญเสีย ทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยในเรื่องปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ต้องทำความเข้าใจแก่ราษฎร ถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น สร้างความตระหนัก และการมีส่วนร่วม อีกทั้งให้ประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อผนึกกำลังทั้งฝ่ายปกครอง ฝ่ายความมั่นคง ส่วนท้องถิ่น และประชาชน ในการเฝ้าระวัง ป้องกันการเกิดไฟป่า มีการปฏิบัติงานเพื่อการดับไฟเมื่อเกิดไฟป่า และมีการฟื้นฟูหลังการเกิดไฟป่า ทั้งนี้ ต้องมีการเตรียมพร้อมของเครื่องมือ อุปกรณ์ และยุทธปัจจัยอื่น ๆ ที่เพียงพอต่อการสนับสนุนการปฏิบัติงาน
“สำหรับเรื่องปัญหาน้ำท่วม กระทรวงฯ ต้องบูรณาการร่วมกับกระทรวงมหาดไทยในการกำหนดเป้าหมายการช่วยเหลือ และประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีความพร้อมทั้งยานพาหนะ เครื่องมือ อุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือการอพยพของประชาชน การสูบน้ำ การสร้างพนังกั้นน้ำ รวมถึงแจกจ่ายน้ำดื่ม และอาหารเพื่อการยังชีพ ด้านปัญหาภัยแล้ง กระทรวงฯ มีความสำคัญในการหาน้ำต้นทุน ทั้งแหล่งน้ำผิวดินธรรมชาติ และ น้ำบาดาล ต้องประสานผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อกำหนดเป้าหมายกรช่วยเหลือ โดยเฉพาะน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรแปลงใหญ่ และการจัดตั้งจุดจ่ายน้ำเพื่อให้ประชาชนมีน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค ที่เพียงพอ”พล.อ.ประวิตร กล่าว
พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจจากฐานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมว่า รัฐบาลมีความมุ่งมั่น ในการสร้างเศรษฐกิจให้ประชาชน ชุมชน อันจะส่งผลถึงเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ดังนั้น อยากให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เร่งรัดการดำเนินงานในการกระตุ้นเศรษฐกิจจากฐานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดังนี้
1.การกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น อยากให้มีการจ้างงาน สำหรับผู้ตกงานหรือ ผู้จบการศึกษาใหม่ เพื่อปฏิบัติงานด้านการป้องกันและดับไฟป่า การปลูกป่า รวมถึงการสร้างแหล่งอาหารและแหล่งน้ำสำหรับสัตว์ป่า และอื่นๆ 2.การกระตุ้นระยะกลาง โดยใช้ประโยชน์จากแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติของกระทรวงฯ ทั้งอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พื้นที่ป่าไม้เพื่อนันทนาการ พื้นที่ทะเลและชายหาด สวนสัตว์ สวนพฤกษศาสตร์ โดยต้องปรับปรุงให้มีความพร้อม กำหนดมาตรการการท่องเที่ยววิถีใหม่ (New normal) รวมถึงประชาสัมพันธ์เชิญชวนโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวภายในประเทศ ทั้งนี้ควรมีการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่รอบแหล่งท่องเที่ยว ทั้งที่พัก และร้านอาหาร ร้านค้าชุมชน เพื่อสร้างรายได้ให้ราษฎรในพื้นที่ด้วย 3.การกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะยาว ส่งเสริมการปลูกไม้ทีค่าทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมจากป่าปลูก ซึ่งในปัจจุบันและอนาคต ความต้องการผลิตภัณฑ์จากไม้ ไม้แปรรูป และไม้เพื่อพลังงาน มีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น ควรมีการส่งเสริมให้มีการปลูกไม้มีค่าในที่ดินเอกสารสิทธิ์ รวมถึงที่ดินราษฎรได้รับการอนุญาตจากรัฐ และต้องมีการดำเนินการเพื่อรับรองมาตรฐานด้านป่าไม้เพื่อยกระดับสู่มาตรฐานการส่งออกของโลก และเร่งรัดดำเนินการ ติดตามผลการปฏิบัติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
รวมสิทธิส่งเสริมคุณภาพชีวิต เกาะติดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ทันเรื่องราวกระแสสังคม สัมผัสประสบการณ์ข่าวได้ที่ แอปพลิเคชัน ทรูไอดี (ดาวน์โหลดเลยที่นี่!!)