"รัสเซีย-อินเดีย" อ้อมกอดธุรกิจ มิตรรักน้ำมัน เดินหน้าการค้า เสี่ยงท้าทาย “ทรัมป์” ?

"รัสเซีย-อินเดีย" อ้อมกอดแห่งมิตรภาพน้ำมัน ภาพหวานขัดใจ “ทรัมป์” ? ท้าทายคว่ำบาตร
ครั้งแรกรอบ 4 ปี ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซีย เดินทางเยือนอินเดียอย่างเป็นทางการ ในขณะที่อินเดียกำลังเจอกับแรงกดดันอย่างหนักจากสหรัฐฯ เรื่องการซื้อนำมันจากรัสเซียของอินเดีย แต่ผู้นำของอินเดีย นายกฯ นเรนทรา โมดี ก็ย้ำอินเดียไม่เข้าข้างใครทั้งนั้น ยึดหลักสันติภาพ
ผู้นำของรัสเซีย และอินเดีย โอบกอดกัน เรียกได้ว่าเป็นอ้อมกอดประวัติศาสตร์อีกครั้ง ท่ามกลางสายตาชาวโลก เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นระหว่างที่ผู้นำของรัสเซีย ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินเดินทางเยือนอินเดียอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2025 ท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่นชื่นมื่นจากนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี โดยภาพที่โมดีกอดปูตินอย่างเป็นกันเอง ทำให้สื่อหลายสำนักระบุว่านี่คือ “สัญลักษณ์ของมิตรภาพและความไว้วางใจ”
สื่อของ อินเดีย รายงานว่านี่คือบรรยากาศที่ “เป็นมิตร เปิดกว้าง และจริงใจ” ต่อความสัมพันธ์ระหว่างอินเดียกับรัสเซีย
การมาเยือนครั้งนี้ของปูตินมาพร้อมกับคณะผู้แทนภาคธุรกิจ และถือเป็นการเยือนอินเดียครั้งแรกในรอบ 4 ปี นับตั้งแต่ก่อนเกิดสงครามยูเครนในปี 2022 โดยมีวาระสำคัญเพื่อ เพิ่มยอดขาย น้ำมันดิบรัสเซียให้กลับมาฟื้นตัว และผลักดันการขาย ระบบป้องกันภัยทางอากาศ ขีปนาวุธ เครื่องบินขับไล่ ให้แก่กองทัพอินเดีย พร้อมเร่งขยายความร่วมมือด้าน อุตสาหกรรมการผลิต อิเล็กทรอนิกส์ และยุทโธปกรณ์ รวมไปถึงการลดการพึ่งพาตลาดตะวันตกและเพิ่มการค้าภาคเอกชนระหว่างสองประเทศ ซึ่งทั้งสองฝ่ายเน้นว่าการพบปะครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่การเยือนเชิงสัญลักษณ์ แต่มีเป้าหมายชัดเจนเพื่อขยายมิติความร่วมมือในระยะยาว
ประเด็นสำคัญที่คนจับจ้องหนีไม่พ้นเรื่องพลังงาน เพราะอินเดียคือลูกค้าน้ำมันรายสำคัญของรัสเซีย และในช่วงเวลานี้อินเดียกำลังโดนกดดันอย่างหนักจากสหรัฐฯ และพันธมิตร โดยอ้างว่าการซื้อน้ำมันจากรัสเซีย คือ การสนับสนุนสงคราม ซึ่งสหรัฐฯได้พยายามคว่ำบาตรรัสเซียและคู่ค้าที่เกี่ยวข้องด้วย
แต่อย่างไรก็ตามล่าสุดในระหว่างการเยือนครั้งนี้ ปูตินให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นของอินเดีย ยืนยันย้ำชัดว่ารัสเซียพร้อมส่งมอบเชื้อเพลิงให้กับอินเดียอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจอินเดียที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
ขณะที่นายกรัฐมนตรีโมดียืนยันว่า “อินเดียจะไม่เข้าข้างใคร” พร้อมย้ำว่านโยบายของอินเดียคือการยืนอยู่ฝ่ายสันติภาพ และจะตัดสินใจโดยยึดผลประโยชน์ของประชาชนอินเดียเป็นหลัก โมดีกล่าวว่า อินเดียจะดำเนินนโยบายต่างประเทศอย่างอิสระ ไม่ขึ้นกับแรงกดดันจากมหาอำนาจฝ่ายใด ส่วนประเด็นเรื่องการนำเข้าน้ำมันนั้น โมดีกล่าวเพียงแค่กว้างๆ ว่า ความมั่นคงด้านพลังงาน เป็นเสาหลักที่แข็งแกร่งและสำคัญของความสัมพันธ์ทวิภาคี
นอกจากนี้ผู้นำอินเดียยังระบุว่า ความร่วมมือด้านพลังงานนิวเคลียร์พลเรือนที่มีมายาวนานหลายทศวรรษ ถือเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยผลักดันความสำคัญร่วมกันของทั้งสองประเทศ ในการมุ่งสู่พลังงานสะอาด
ด้านปูตินชี้ว่า รัฐบาลมอสโกกำลังทำงานร่วมกับอินเดีย เพื่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดของอินเดีย คือโรงไฟฟ้าคูดังคูลัม โดยขณะนี้มีเครื่องปฏิกรณ์ 2 ใน 6 เครื่องเชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้าแล้ว ส่วนที่เหลือกำลังก่อสร้างอยู่
ทั้งนี้ภายหลังการประชุม ปูตินกล่าวระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับโมดีระบุว่า ประเทศรัสเซียและอินเดียเป็นพันธมิตรสำคัญกันในด้านการค้า การลงทุน และเทคโนโลยี และหลังจากนี้จะมีการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างกันให้ “แน่นแฟ้นขึ้น” ซึ่งรวมถึงการตั้งเป้าเพิ่มความร่วมมือด้านพลังงาน และปรับความร่วมมือด้านความมั่นคง–กลาโหมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการค้า ทั้งสองชาติได้ประกาศตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าทวิภาคี เพิ่มขึ้นไปอีก 50% ภายใน 5 ปีหลังจากนี้ จากระดับปัจจุบันซึ่งอยู่ประมาณ 64,000 ล้านดอลลาร์ จะพุ่งขึ้นเป็น 100,000 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2030
"อินเดีย-รัสเซีย" จับมือรวมพลังแข็งแกร่ง การค้าก้าวกระโดดโตต่อเนื่อง
การมาเยือนอินเดียของผู้นำรัสเซียครั้งนี้ ได้มีการลงนามในข้อตกลงความร่วมมือหลายฉบับ ครอบคลุมตั้งแต่เรื่องการย้ายถิ่น และแรงงาน ระบบสาธารณสุข ความปลอดภัยด้านอาหาร ท่าเรือและการเดินเรือ และปุ๋ยเคมี
ย้อนกลับไปปีที่ผ่านมาตัวเลขการค้าระหว่างสองประเทศ อินเดียและรัสเซีย ล่าสุดพุ่งไปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้วยตัวเลขกว่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์ และแน่นอนว่ามี “น้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม” เป็นสินค้าหลัก อินเดียนำเข้าพลังงานจากรัสเซียในสัดส่วนสูงที่สุดเมื่อเทียบกับสินค้ากลุ่มอื่น คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 80–85%
มูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศเติบโตอย่างก้าวกระโดดช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ย้อนกลับไปเมื่อปี 2017 การค้าระหว่างสองประเทศมีมูลค่าเพียงแค่ประมาณ 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น โดยเฉพาะยุคหลังปี 2022 ที่รัสเซียหันหาตลาดใหม่ในเอเชีย และเป็นจังหวะที่ประเทศอินเดียกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และมองหาแหล่งพลังงานราคาย่อมเยาเพื่อรองรับเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่กำลังพุ่งแรง
แม้ที่ผ่านมาจะมีมาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ และยุโรปตั้งแต่ช่วงปี 2022 แต่การส่งออกน้ำมันของรัสเซียมายังอินเดียก็ไม่ได้ขาดตอนลงไป ก่อนหน้านี้ทางการอินเดียเคยออกมาโต้แย้งพร้อมให้เหตุผลว่าการซื้อน้ำมันนับเป็นการจัดซื้อเพื่อความมั่นคงทางพลังงาน และไม่เป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
แต่อย่างไรก็ตามประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากอินเดียพุ่งไปถึง 50% โดยอ้างว่าเป็นการลงโทษอินเดีย ที่ซื้อน้ำมันจากรัสเซีย เพราะมองว่าเป็นการหนุนสงคราม และผลที่ตามคือมูลค่าการค้าของอินเดียและรัสเซียก็วูบลงเหลือเพียงแค่ 28,250 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงเดือน เมษายน ถึงสิงหาคม 2025 ที่ผ่านมา รวมไปถึงข้อมูลล่าสุดระบุว่า การนำเข้าน้ำมันดิบรัสเซียของอินเดียในเดือนธันวาคมมีแนวโน้มลดลงต่ำสุดในรอบ 3 ปี
อินเดียจึงเจอกับโจทย์ใหญ่ เพราะต้นทุนพลังงานเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาประเทศให้โตได้แรงต่อเนื่อง แต่ในขณะเดียวกันภาคการส่งออกก็กระทบอย่างหนักจากภาษีทรัมป์ ดังนั้นอินเดียจึงต้องเร่งแก้เกมเพื่อเอาตัวรอด และต้องการผลักดันสินค้าอุตสาหกรรม เช่น รถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ อาหารแปรรูป เสื้อผ้า เครื่องจักร และชิ้นส่วนอุตสาหกรรมไปยังตลาดรัสเซียแทนที่การพึ่งพาการส่งออกไปสหรัฐฯ ที่กำลังถูกภาษีกระหน่ำจากทรัมป์ด้วย
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
