รีเซต

นาซาสร้าง "กล้องโทรทรรศน์อวกาศโรมัน" เสร็จสมบูรณ์เตรียมพร้อมปล่อยตัวสู่อวกาศเร็วกว่ากำหนด

นาซาสร้าง "กล้องโทรทรรศน์อวกาศโรมัน" เสร็จสมบูรณ์เตรียมพร้อมปล่อยตัวสู่อวกาศเร็วกว่ากำหนด
TNN ช่อง16
6 ธันวาคม 2568 ( 13:55 )
องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (NASA) ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญในการประกอบ กล้องโทรทรรศน์อวกาศแนนซี เกรซ โรมัน (Nancy Grace Roman Space Telescope) เสร็จสมบูรณ์แล้ว ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับภารกิจหลักต่อไปของหน่วยงานในการศึกษาพลังงานมืด (Dark energy) ดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างไกล (Exoplanets) และวิวัฒนาการของเอกภพ

การประกอบส่วนประกอบหลักทั้งสองส่วนของกล้องโทรทรรศน์โรมันเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายนที่ศูนย์การบินอวกาศก็อดดาร์ด (Goddard Space Flight Center) ของ NASA ในเมืองกรีนเบลท์ รัฐแมริแลนด์ โดยนายอมิต คชาตริยา (Amit Kshatriya) ผู้บริหารสมทบของ NASA กล่าวว่า การสร้างกล้องโทรทรรศน์โรมันเสร็จสมบูรณ์ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ ซึ่งเป็นผลมาจากงานวิศวกรรมที่มีวินัยมานานหลายปี กล้องโทรทรรศน์โรมันจะขยายความเข้าใจของเราเกี่ยวกับเอกภพ

การทดสอบขั้นสุดท้ายและการตั้งเป้าปล่อยตัวก่อนกำหนด

ขณะนี้ กล้องโทรทรรศน์โรมันกำลังเข้าสู่ขั้นตอนการทดสอบด้านสิ่งแวดล้อมและประสิทธิภาพขั้นสุดท้ายภายใต้สภาวะจำลองของอวกาศ การทดสอบเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อตรวจสอบว่ายานอวกาศสามารถทนต่อความเค้นและแรงสั่นสะเทือนจากการปล่อยตัวขึ้นสู่อวกาศได้ และสามารถทำงานได้อย่างที่ตั้งใจไว้เมื่ออยู่ในอวกาศ หลังจากการทดสอบเสร็จสิ้น กล้องโทรทรรศน์จะถูกขนส่งไปยังศูนย์อวกาศเคนเนดี (Kennedy Space Center) ในฟลอริดาในช่วงกลางปี 2026 เพื่อเตรียมการขั้นสุดท้ายสำหรับการปล่อยตัว

สำหรับกำหนดการปล่อยตัวอย่างเป็นทางการนั้น คือ ไม่เกินเดือนพฤษภาคม 2027 อย่างไรก็ตาม ทีมงานยังคงตั้งเป้าหมายที่จะปล่อยตัวได้เร็วที่สุดคือในช่วง ปลายปี 2026 กล้องโทรทรรศน์โรมันมีกำหนดปล่อยตัวโดยจรวด SpaceX Falcon Heavy ไปยังวงโคจรเสถียรรอบดวงอาทิตย์ ซึ่งอยู่ห่างจากโลกเกือบหนึ่งล้านไมล์


ความสามารถของกล้องโทรทรรศน์อวกาศโรมัน

กล้องโทรทรรศน์อวกาศโรมันตั้งชื่อตาม ดร. แนนซี เกรซ โรมัน (Nancy Grace Roman) นักดาราศาสตร์หญิงคนแรกที่ดำรงตำแหน่งผู้บริหารที่ NASA และเป็นที่รู้จักในฐานะบุคคลสำคัญที่ทำให้เกิดการพัฒนากล้องโทรทรรศน์ฮับเบิล  (Mother of Hubble) โดยภารกิจกล้องโทรทรรศน์อวกาศโรมันนี้จะสำรวจเอกภพด้วยประสิทธิภาพที่เหนือกว่ากล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล (Hubble Space Telescope) 

สำหรับกล้องโทรทรรศน์อวกาศโรมันมีเครื่องมือสำคัญสองชิ้น ได้แก่

1. Wide Field Instrument (WFI) โครงสร้างหลักและศักยภาพมุมกว้าง (Wide Field) การออกแบบหลักของกล้องโรมันใช้กระจกปฐมภูมิขนาด 2.4 เมตร ซึ่งมีขนาดเท่ากับกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล แต่จุดเด่นที่ทำให้แตกต่างอย่างสิ้นเชิงคือการติดตั้งอุปกรณ์ Wide Field Instrument (WFI) ความละเอียด 300 ล้านพิกเซล ที่ทำงานในย่านรังสีอินฟราเรด 

การออกแบบนี้ทำให้กล้องโรมันมีขอบเขตการมองเห็น (Field of View) กว้างกว่าฮับเบิลถึง 100 เท่า ในการถ่ายภาพเพียงครั้งเดียว ทำให้มันไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อเจาะจงวัตถุเดียวแบบเจาะลึกเหมือนเจมส์ เวบบ์ แต่ถูกสร้างมาเพื่อเป็น "นักสำรวจ" (Surveyor) ที่สามารถทำแผนที่จักรวาล ถ่ายภาพดาราจักรนับล้าน และค้นหาหลักฐานของพลังงานมืด (Dark Energy) ได้ด้วยความเร็วสูงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

2. Coronagraph Instrument (CGI) เทคโนโลยีโคโรนากราฟและการโคจร นอกจากกล้องมุมกว้าง กล้องโรมันยังติดตั้งอุปกรณ์ Coronagraph Instrument ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสาธิตขั้นสูงที่ทำหน้าที่เหมือน แว่นกันแดดอวกาศ โดยใช้ระบบกระจกและหน้ากากปิดกั้นแสงดาวฤกษ์ที่มีความสว่างจ้า เพื่อให้สามารถมองเห็นและถ่ายภาพดาวเคราะห์นอกระบบที่โคจรอยู่รอบ ๆ ได้โดยตรง 

นอกจากนี้ ตัวยานถูกออกแบบให้ไปประจำการที่จุด Lagrange Point 2 (L2) ห่างจากโลก 1.5 ล้านกิโลเมตร เพื่อรักษาอุณหภูมิให้เย็นจัดและมีความเสถียรสูง ต่างจากฮับเบิลที่โคจรรอบโลก การออกแบบตำแหน่งโคจรนี้ช่วยลดสัญญาณรบกวนจากความร้อนของโลกและดวงอาทิตย์ ทำให้การสังเกตการณ์ในย่านอินฟราเรดมีประสิทธิภาพสูงสุด

ในช่วงภารกิจหลักที่วางแผนไว้ 5 ปี นักวิทยาศาสตร์คาดว่าโรมันจะค้นพบดาวเคราะห์นอกระบบได้มากกว่า 100,000 ดวง และจะสังเกตการณ์กาแล็กซีหลายพันล้านแห่งและดาวฤกษ์หลายร้อยล้านดวง  ภารกิจนี้จะให้เบาะแสใหม่เกี่ยวกับการขยายตัวของเอกภพที่กำลังเร่งความเร็ว

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง