EKHอัตราใช้เตียงแตะ80% ปลื้มรพ.คูนถึงจุดคุ้มทุน
EKH เฮลธ์แคร์โค้งแรกฉลุย ยอดคนไข้นอก-คนไข้ในพุ่งแตะระดับ 80% ลุ้นไฟล์ทบินเพิ่มหนุนการเดินทางเข้าไทย ดันยอด IVF ไตรมาส 2/2566 คนไข้จีนกลับมารับคำปรึกษาเพิ่มขึ้น ฟุ้ง รพ.คูน กระแสดีปีนี้คุ้มทุนแล้ว แย้มสนใจลงทุนขยายฐานเฮลธ์แคร์เพิ่มเติม
นพ.อำนาจ เอื้ออารีมิตร กรรมการและผู้อำนวยการโรงพยาบาล บริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน) หรือ EKH เปิดเผยว่า ประเมินภาพรวมธุรกิจเฮลธ์แคร์ในช่วงไตรมาส 1/2566แม้ว่าตามปกติจะเป็นช่วงโลว์ซีซันของธุรกิจ แต่นับตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม 2566 ยอดการตรวจและเข้ารักษาสุขภาพยังมีแนวโน้มขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน หากตัดในเรื่องของการรักษาโควิด-19 ออก
ด้วยความต้องการดูแลรักษาสุขภาพที่ขยายตัวตามแรงอัดอั้นการทางการรักษา ส่งผลให้ยังมีคนไข้มารับการรักษาเข้ามาอย่างต่อเนื่องทั้งคนไข้ใน (IPD) และคนไข้นอก (OPD) โดยมีอัตราการครองเตียงอยู่ในระดับที่สูงกว่า 80%ซึ่งอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับไตรมาส 4/2565แม้ว่าในช่วงเดือนเมษายนยอดการตรวจสุขภาพจะชะลอตัวลงไปบ้าง เนื่องจากติดช่วงวันหยุดเทศกาล แต่มองว่าในไตรมาส 2/2566อัตราการรับรักษาจะยังอยู่ในระดับที่สูงได้ต่อไป
*รพ.คูนถึงจุดคุ้มทุน
ขณะที่ศูนย์ปรึกษาสำหรับผู้มีบุตรยาก (IVF) ในไตรมาส 1/2566 อัตราการให้คำปรึกษาฟื้นตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ยังไม่ใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ระบาด ทั้งนี้คาดว่าในช่วงไตรมาส 2/2566 หากว่าไฟล์ทบินตรงระหว่างมณฑลต่างๆ ของจีนมายังประเทศไทยสามารถเปิดได้ครอบคลุมมากขึ้น จะทำให้กลุ่มลูกค้ากลับมาใช้บริการได้อย่างชัดเจนมากขึ้น โดยทั้งปี 2566คาดว่าจะมีเคสคนไข้ชาวจีนเข้ามารับคำปรึกษาไม่น้อยกว่า 300 เคส
ด้านโรงพยาบาลคูนที่เป็นโรงพยาบาลเฉพาะทาง และศูนย์ดูแลผู้สูงอายุนั้น มีแนวโน้มการเติบโตที่ ปัจจุบันมีอัตราครองเตียงแล้วกว่า 20 ยูนิต ทำให้มองว่าทั้ง EBITDA และกำไรสุทธิเป็นผลบวกทั้งหมดแล้วในปีนี้ บริษัทมีแผนพิจารณาขยายสาขาใหม่เพิ่มเติม ที่ผ่านมามีพาร์ทเนอร์ท้องถิ่นหลายรายติดต่อให้ความสนใจเข้ามาจำนวนมาก โดยบริษัทจะให้ความสนใจที่หัวเมืองท่องเที่ยวหลักทั้งภาคเหนือและภาคใต้ คาดใช้เงินทุนราว 150-200ล้านบาท
*ลุยซื้อกิจการ
ขณะเดียวกันบริษัทยังให้ความสนใจในการลงทุนธุรกิจสุขภาพอื่นๆ ทั้งในรูปแบบการควบรวมกิจการ (M&A) หรือการร่วมทุน (JV) หรือสร้าง Synergy ร่วมกับพาร์ตเนอร์ใหม่ๆ ซึ่งตอนนี้มีที่อยู่ระหว่างการเจรจาร่วมกันอยู่ราว 2-3 ดีล มีทั้งที่อยู่ในตลาดและนอกตลาดแต่ยังไม่สามารถระบุรายละเอียดที่ชัดเจนได้ว่าจะได้ข้อสรุปเมื่อไหร่ เพราะยังเป็นระยะเริ่มต้นของการศึกษาอยู่
ส่วนแผนการลงทุนในปี 2566แบ่งออกเป็นการลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพศูนย์รักษาโรคเฉพาะทางและแผนกอื่นๆ ประมาณ 50-60 ล้านบาท และการก่อสร้างอาคารใหม่ ขนาด 60 เตียง ราว 150-200 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการทำเรื่องของ EIA คาดใช้ระยะเวลาราว 6-8 เดือนจะได้เห็นความชัดเจน หลังจากนั้นจึงจะเข้าสู่กระบวนการออกแบบอาคารและหาผู้รับเหมาในลำดับถัดไป คาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ไม่เกินปลายปีนี้
*อัตราการใช้บริการเพิ่ม
บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง EKH กำไรสุทธิไตรมาส 1/2566 คาดว่าจะเพิ่ม QoQ เป็นระดับปกติก่อนโควิด-19 ที่ประมาณ 40-50 ล้านบาทต่อไตรมาส โดยในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2566 อัตราการใช้บริการเพิ่มเป็น 90-100% แต่กำไรสุทธิจะลดลง YoY เพราะรายได้โควิดหายไปมากหลังการระบาดคลี่คลายและคนมีภูมิคุ้มกันมากขึ้น ด้าน GPM กลับสู่ระดับ 40-45%
โดยในช่วงมกราคม-กุมภาพันธ์ 2566 คนไข้จีนเข้ามาทำ IVF 15-20เคสต่อเดือน ผู้บริหารยังมีมุมมองบวกกับธุรกิจทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) และคาดว่าคนไข้จีนจะเข้ามาทำเพิ่มเป็น 30 เคสต่อเดือนเมื่อการเดินทางสะดวกมากขึ้น ให้สมมติฐานว่าปี 2566-2568 จะมีคนไข้ IVF เท่ากับ 300-450 เคสต่อปี (เทียบกับก่อนโควิด คือ ปี 2561 ที่มี 390 เคส) โดย IVF จะทำรายได้ 12-15% ของรายได้รวมในปี 2566-2568
*พื้นฐาน 10 บาท
ขณะที่ร.พ.คูนคุ้มทุนได้อย่างรวดเร็ว โดยร.พ.เปิดในเดือนกันยายน 2566 และคุ้มทุนได้เร็วมาก คาดว่าปี 2566 ร.พ.คูนจะทำรายได้ 60 ล้านบาท (OR เท่ากับ 50-60%) และมีกำไรสุทธิ 10 ล้านบาท ผู้บริหารระบุว่ามีแผนจะเปิดร.พ.คูนอีกปีละ 1 แห่ง เงินลงทุนแห่งละประมาณ 200 ล้านบาท ปัจจุบันกำลังศึกษาการเปิดในพื้นที่ภาคเหนือและภาคใต้
คงคำแนะนำ “ซื้อ” EKH ให้ราคาพื้นฐาน 10 บาท (DCF) ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2566-2567 ขึ้นปีละ 3% สะท้อนรายได้และมาร์จิ้นที่ดีกว่าเดิม ส่งผลให้กำไรสุทธิปี 2566 จะลดลง 7% แล้วกลับไปเติบโต 9% ในปี 2567