"หมอแล็บแพนด้า" ไขข้อสงสัย รอยช้ำบนผิวหนังเกิดจากอะไร?
วันนี้( 30 มี.ค.64) เพจเฟซบุ๊ก "หมอแล็บแพนด้า" โพสต์ไขข้อสงสัยรอยช้ำเกิดจากอะไร โดยระบุว่า "อาการรอยช้ำ เกิดจากการที่เส้นเลือดฝอยแตก(Capillary ) แล้วเลือดไหลออกมา แทรกไประหว่างเนื้อเยื่อผิวหนัง พอผ่านไปซัก 1-2 ชั่วโมงมันจะค่อยๆสลายเปลี่ยนสีเป็นสีเขียวคล้ำ หรือน้ำตาล จนถูกกำจัดหายไปหมดใน 1-2 สัปดาห์สาเหตุ การช้ำอาจเกิดได้จาก
1. เกิดอาจมีการกระแทกกระเทือนกระทบผิวหนังเบาๆ ไม่รุนแรง เราอาจไม่รู้ตัวทำให้เส้นเลือดแตกเสียหายได้ แต่เนื่องจากผู้หญิงมี ผิวหนังบางกว่าผู้ชาย ยิ่งเป็นคนขาว จะทำให้เห็นชัด เราอาจไม่ทันสังเกตว่ากระแทกอะไร เช่น การเล่นกีฬา เผลอเดินชนขอบโต๊ะ ขอบประตู
2. การกินยาบางอย่าง เช่น aspirin , ibrufen ยาพวกนี้จะทำให้เกล็ดเลือดจับตัวไม่ดี เกิดการแตกของเส้นเลือดฝอยได้ และพวกยาที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ต้านโรคซึมเศร้า
3. เป็นโรคเลือดบางอย่างที่ทำให้เกล็ดเลือดต่ำ เกิดการผิดปกติการแข็งตัวของเลือด เช่น โรคฮีโมฟิเลีย โรควอนบิลิแบน ซึ่งเป็นสาเหตุจากกรรมพันธุ์
4. อายุมากขึ้น ยิ่งแก่ยิ่งช้ำ 55555 พอเราสูงวัย ไขมันใต้ผิวหนังจะหายไปเหลือแต่ผิวหนังที่บอบบางเมื่อโดนกระแทก หรือ บีบรัดเพียงเล็กน้อย เส้นเลือดก็อาจแตกได้ง่าย คนสูงอายุมักมีรอยจ้ำเขียวใต้ผิวหนังได้บ่อยกว่าคนหนุ่มสาวมาก
5. อาหารบางอย่าง เช่น วิตามิน E มากไป หรือ ขาดวิตามิน K และ C ถ้าขาดก็ทำให้มีจ้ำเลือดได้ง่าย
6.โรคตับอักเสบ ทำให้การสร้าง ปัจจัยการแข็งตัวของเลือดเสียไป
7. ฮอร์โมนเอสโตรเจน ทำให้เกิดจ้ำเลือดได้ จึงพบได้ในคนที่ทานยาคุมบางชนิดเป็นประจำ
8. การติดเชื้อเป็นโรคที่เกิดจากไวรัสบางตัวก็ทำให้เกล็ดเลือดต่ำจนเกิดอาการได้เช่น ไข้เลือดออก หรือจากไวรัสตัวอื่นๆ
ส่วนใหญ่รอยช้ำจะหายเองไม่ลุกลามเพิ่มมากขึ้น เราก็ไม่ต้องทำอะไรมาก แต่ถ้าช้ำบ๊อยบ่อย เหมือนเสรีรุ่งสว่าง มีอาการปวดบวมแดง เลือดออกในที่อื่นๆเพิ่มเช่นในลูกตา ไรฟัน ประจำเดือนออกมากผิดปกติ ควรไปพบแพทย์เพื่อเจาะเลือดส่งห้องแล็บหาสาเหตุให้แน่นอนดีกว่าครับ"