รีเซต

“ไม่เอาวัคซีน” ประท้วงต้านมาตรการโควิด-19 ลามทั่วยุโรป

“ไม่เอาวัคซีน” ประท้วงต้านมาตรการโควิด-19 ลามทั่วยุโรป
TNN ช่อง16
22 พฤศจิกายน 2564 ( 10:03 )
60
“ไม่เอาวัคซีน” ประท้วงต้านมาตรการโควิด-19 ลามทั่วยุโรป

ชาวเบลเยียมหลายหมื่นคนเดินขบวนในกรุงบรัสเซลส์ เมืองหลวงเบลเยียม ประท้วงต่อต้านมาตรการคุมเข้มไวรัสโควิด-19 โดยผู้ประท้วงบางคนขว้างปาประทัดเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งตอบโต้ด้วยการยิงแก๊สน้ำตาและฉีดน้ำแรงดันสูงเข้าใส่ ผู้ประท้วงส่วนใหญ่พากันคัดค้านการใช้บัตรผ่านสุขภาพ เพื่อแสดงว่าปลอดโควิด หรือ “โควิด พาส” เพื่อป้องกันคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเข้าไปยังสถานที่ต่าง ๆ เช่นร้านอาหารและบาร์


สำหรับในกรุงบรัสเซลส์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กล่าวว่า มีประชาชนประมาณ 35,000 คน ทะลักลงสู่ถนนในวันอาทิตย์ เพื่อประท้วงมาตรการคุมเข้มโควิดของรัฐบาล มีการเผชิญหน้ากันระหว่างผู้ประท้วงและตำรวจในบางจุด โดยผู้ประท้วงขว้างระเบิดเพลิงและประทัดเข้าใส่เจ้าหน้าที่


ทั้งนี้ ในเบลเยียม ตั้งแต่วันพุธ (17 พฤศจิกายน) ที่ผ่านมา รัฐบาลประกาศคุมเข้มการสวมหน้ากากอนามัยอย่างเคร่งครัด ซึ่งรวมทั้งในสถานที่ต่าง ๆ เช่นร้านอาหาร ที่ทุกคนที่เข้าใช้บริการต้องแสดงบัตรสุขภาพ “โควิด พาส” และกำหนดให้ชาวเบลเยียมส่วนใหญ่จะต้องทำงานจากที่บ้าน 4 วันต่อสัปดาห์จนถึงกลางเดือนธันวาคม


รัฐบาลยังเตรียมแผนการที่จะบังคับบุคลากรทางการแพทย์ฉีดวัคซีนด้วย อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา สถานการณ์ก็กลับเจ้าสู่ภาวะปกติ


---จลาจลทั่วเนเธอร์แลนด์---


ในเนเธอร์แลนด์ ผู้ประท้วงก่อเหตุจลาจลในหลายเมืองทั่วประเทศในวันอาทิตย์ (21 พฤศจิกายน) เป็นคืนที่ 3 ติดต่อกัน ตั้งแต่คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา จนถึงคืนวันอาทิตย์ เจ้าหน้าที่ตำรวจปะทะกับม็อบวัยรุ่นที่โกรธแค้น ที่พากันจุดไฟเผาและขว้างปาก้อนหินเข้าใส่เจ้าหน้าที่ เพื่อประท้วงมาตรการคุมเข้มโควิด


กลุ่มผู้ก่อเหตุจลาจลที่ใช้ผ้าปิดหน้า จุดไฟเผาจักรยานในกรุงเฮก ขณะที่ตำรวจปราบจลาจลใช้ม้า, สุนัข และกระบอง เพื่อขับไล่ฝูงชนที่บ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในกรุงเฮก และมีผู้ถูกจับกุมตัวอย่างน้อย 7 คน


ตำรวจ กล่าวว่า กลุ่มผู้ประท้วงขว้างปาก้อนหินใส่กระจกรถพยาบาลฉุกเฉินที่ลำเลียงผู้บาดเจ็บไปส่งโรงพยาบาลด้วย ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 5 นาย ซึ่งหนึ่งในนี้ได้รับบาดเจ็บที่เข่าถูกนำตัวขึ้นรถพยาบาลฉุกเฉินออกไป


ส่วนในที่อื่น ๆ ของประเทศ การแข่งขันฟุตบอลบางคู่บางสนามต้องหยุดแข่งชั่วคราว หลังจากกลุ่มผู้สนับสนุนบุกเข้าไปในสนาม ซึ่งปัจจุบันนี้ เนเธอร์แลนด์ห้ามแฟนกีฬาเข้าชมในสนามจากมาตรการใหม่ในการควบคุมโควิด ความรุนแรงเกิดขึ้นหลังเกิดเหตุจลาจลในเวลากลางคืนในเมืองรอตเตอร์ดัม ซึ่งถูกประณามโดยนายกเทศมนตรีของเมืองว่า เป็นการมั่วสุมก่อความรุนแรง เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องยิงปืนเตือนและยิงกระสุนใส่โดยตรง เพราะสถานการณ์เลวร้ายเป็นอันตรายถึงชีวิต


มีผู้ประท้วงอย่างน้อย 3 คนถูกยิงได้รับบาดเจ็บ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่เริ่มทำการสอบสวนแล้ว


เนเธอร์แลนด์บังคับใช้มาตรการคุมเข้มโควิดบางส่วนนาน 3 สัปดาห์เมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น กำหนดให้บาร์และร้านอาหารปิดในเวลา 20.00 น. และห้ามประชาชนเข้าสนามกีฬาชมเกมการแข่งขัน


---ชาวออสเตรียเรียกร้องเสรีภาพ---


ส่วนในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ประชาชนหลายหมื่นคน ชุมนุมประท้วงหลังรัฐบาลประกาศมาตรการจำกัดพื้นที่ทั่วประเทศครั้งใหม่ และเตรียมบังคับให้ประชาชนฉีดวัคซีนในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ซึ่งเป็นประเทศแรกในยุโรปที่จะใช้กฎหมายบังคับให้ประชาชนฉีดวัคซีน


กลุ่มผู้ประท้วง ซึ่งโบกธงชาติและถือแผ่นป้ายที่มีข้อความว่า “Freedom” หรือ “เสรีภาพ” พร้อมตะโกนต่อต้านและโห่ไล่เจ้าหน้าที่ตำรวจ


ออสเตรียจะเข้าสู่มาตรการจำกัดพื้นที่ทั่วประเทศนาน 20 วันนับจากวันจันทร์นี้ โดยจะมีการปิดร้านค้าทั้งหมด ยกเว้นร้านค้าที่จำเป็น และสั่งให้ประชาชนทำงานจากที่บ้าน หรือ work from home


แอนเดรีย แอมมอน ผู้อำนวยการของศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคของยุโรป ระบุว่า การบังคับประชาชนฉีดวัคซีนถือเป็น “ดาบสองคม” การใช้กฎเกณฑ์เข้มข้นอาจทำให้ประชาชน ซึ่งยังมีความเคลือบแคลงสงสัยเกี่ยวกับวัคซีน แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธการฉีดวัคซีนเสียทีเดียว อาจหันหลังให้วัคซีนอย่างสิ้นเชิง


---สถานการณ์ในอีกหลายประเทศ---


ในโครเอเชีย ประชาชนหลายพันคน เดินขบวนในกรุงซาเกรบ เมืองหลวง เพื่อแสดงพลังไม่พอใจการบังคับฉีดวัคซีนสำหรับเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ขณะที่ในอิตาลี มีประชาชนหลายพันคนรวมตัวกันที่ “กีร์กุส มักซิมุส” (Circus Maximus) ซากสนามกีฬาแข่งรถม้าโบราณกลางแจ้งที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งของจักรวรรดิโรมัน ในกรุงโรม เพื่อคัดค้าน “กรีน พาส” (Green Pass) ซึ่งเป็นเอกสารรับรองในการเข้าสถานที่ทำงาน, สถานที่ต่าง ๆ และขนส่งสาธารณะ


ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐบาลฝรั่งเศส ส่งตำรวจหลายสิบนายเข้าควบคุมสถานการณ์ความวุ่นวายบนเกาะกัวเดอลุป (Guadeloupe) ในทะเลแคริบเบียน ดินแดนโพ้นทะเลของฝรั่งเศส โดยในช่วงคืนที่ผ่านมา เกิดเหตุจลาจลเมื่อกลุ่มคนบุกปล้นร้านค้าหลายสิบร้านและจุดไฟเผาห้างร้านธุรกิจ หลังการประท้วงต่อต้านบัตร โควิด พาส จนกลายเป็นความรุนแรง เจอรัลด์ ดาร์มาแนง รัฐมนตรีมหาดไทยฝรั่งเศส กล่าวว่า บางคนที่ร่วมก่อความไม่สงบนั้นใช้ “กระสุนจริง” ยิงเจ้าหน้าที่ และให้คำมั่นว่าจะตอบโต้ “อย่างแข็งกร้าว” ต่อกลุ่มคนที่สร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย


ด้านซาจิด จาวิด รัฐมนตรีสาธารณสุขของสหราชอาณาจักร กล่าวว่า สหราชอาณาจักรยังไม่มีแผนการที่จะเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ในการเดินทางระหว่างสหราชอาณาจักรกับเยอรมนีในขณะนี้ เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดในเยอรมนีที่กำลังเพิ่มมากขึ้น


เขากล่าวว่า เป็นเพราะเยอรมนีกำลังจัดการไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตา (Delta) ซึ่งสหราชอาณาจักรก็มีสายพันธุ์เดลตาอยู่แล้ว จึงไม่แน่ใจว่า จะได้ประโยชน์อะไรมากจากการเพิ่มกฎเกณฑ์เข้ามา แต่สหราชอาณาจักรก็ไม่ได้ละสายตา ยังเฝ้าระวังแนวโน้มการระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ๆ อยู่


ก่อนหน้านี้ องค์การอนามัยโลก หรือ WHO แถลงว่า มีความ “กังวลอย่างมาก” เกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดที่กำลังเพิ่มมากขึ้นในยุโรป โดย ดร.ฮานส์ คลูก ผู้อำนวยการ WHO ประจำภูมิภาคยุโรป กล่าวกับ BBC ว่า หากไม่ใช้มาตรการคุมเข้มทั่วยุโรป จะมีผู้เสียชีวิตจากโควิดเพิ่มอีก 500,000 ราย ภายในฤดูใบไม้ผลิ ปีหน้า การติดเชื้อโควิดกลายเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของการเสียชีวิตในภูมิภาคนี้อีกครั้ง


เขากล่าวเพิ่มเติมว่า เรารู้ว่าต้องทำอะไรบ้างเพื่อควบคุมไวรัส เช่นการฉีดวัคซีน, การสวมหน้ากากอนามัย และใช้บัตรสุขภาพ “โควิด พาส”


รัฐบาลของหลายประเทศทั่วยุโรป กำลังบังคับใช้มาตรการใหม่เพื่อพยายามที่จะควบคุมตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้น โดยมีหลายประเทศรายงานผู้ติดเชื้อรายวันทำสถิติสูงสุดต่อเนื่อง

—————
แปล-เรียบเรียง: ชายแดน คล้ายใยทอง
ภาพ: Reuters

ข่าวที่เกี่ยวข้อง