รีเซต

เวที KKP รวมกูรู 3 บลจ. ชี้หุ้นไทยปีนี้ฟื้น ชู 10 หุ้นเด่น

เวที KKP รวมกูรู 3 บลจ. ชี้หุ้นไทยปีนี้ฟื้น ชู 10 หุ้นเด่น
ทันหุ้น
26 มกราคม 2565 ( 10:09 )
67
เวที KKP รวมกูรู 3 บลจ. ชี้หุ้นไทยปีนี้ฟื้น ชู 10 หุ้นเด่น

ทันหุ้น - บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) จัดงานสัมมนาใหญ่ประจำปี The Year Ahead 2022 ในธีม “Year of CHANGE, in Year of CHANCES”  รวม 3 บลจ.ชั้นนำของไทย ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เกียรตินาคินภัทร จำกัด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์ จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮาส์ จำกัดชี้ตลาดหุ้นไทยถึงคราวฟื้นหลังสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย คาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจอย่างน้อย 3.4% และกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนจะเติบโตประมาณ 10% มองมุมบวกหุ้นกลุ่มธนาคารพลังงานค้าปลีกอาหาร และสื่อสารรับธีมดอกเบี้ยขาขึ้น ธีมเปิดเมืองและธีมลงทุนระยะยาวแบบเมกะเทรนด์

 

นายยุทธพล ลาภละมูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เกียรตินาคินภัทร จำกัด (บลจ.เกียรตินาคินภัทร) ให้มุมมองว่าเศรษฐกิจโลกจะยังสามารถเติบโตได้ดีต่อเนื่อง หลังจากสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย ขณะที่ธนาคารกลางหลายประเทศมีแนวโน้มปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้น หรือลดขนาดของการซื้อสินทรัพย์ลง เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ สภาพคล่องของระบบอาจจะลดลงบ้างแต่ยังถือว่าอยู่ในระดับสูง การลงทุนในตราสารทุนทั่วโลกจึงยังมีความน่าสนใจเมื่อเทียบกับการลงทุนในตราสารหนี้

 

สำหรับประเทศไทยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตอย่างน้อยร้อยละ 3.4 จากทั้งฐานที่ต่ำในปีก่อนหน้า การฟื้นตัวภายในประเทศแนวโน้มการเปิดเมืองภายในประเทศหลังประชาชนได้รับวัคซีนทั่วถึง และความรุนแรงของสายพันธุ์โอมิครอนที่น้อยกว่าสายพันธุ์เดลต้า ถึงแม้ว่าการเดินทางกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติอาจยังต้องใช้เวลากว่า 1-2 ปีกว่าจะกลับไปถึงระดับเดียวกับก่อนการระบาด โดยธนาคารแห่งประเทศไทยก็มีแนวโน้มจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตลอดทั้งปี เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจ ด้วยเหตุนี้ ตลาดหุ้นไทยจึงยังคงมีความน่าสนใจต่อเนื่องจากปีก่อนหน้า โดยบลจ.เกียรตินาคินภัทรประมาณการณ์ว่ากำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนจะเติบโตได้ดี ประมาณร้อยละ 10 แนะลงทุนในหุ้นที่เข้าเกณฑ์ดังต่อไปนี้

 

1) หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวกับการบริโภคภายในประเทศ ที่ได้รับประโยชน์จากการเปิดเมือง ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตร่วมกับโควิด และการใช้จ่ายก่อนการเลือกตั้ง

 

2) หุ้นกลุ่มที่ราคาไม่สูง หรือหุ้นกลุ่มราคาขึ้นช้า(Laggard)ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เนื่องจากเศรษฐกิจมีการเติบโตที่กระจายตัวขึ้น

 

3) หุ้นกลุ่มที่มีอำนาจกำหนดราคา (pricing power) สูง สามารถปรับตัวได้ในภาวะเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น หรือ หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลมีแนวโน้มสูงขึ้น

 

4) หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวเนื่องกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของโลก เช่น  5G, Data Center, ยานยนต์ไฟฟ้า หรือพลังงานสะอาด เป็นต้น

 

โดยอุตสาหกรรมที่ บลจ. มีมุมมองที่เป็นบวกได้แก่ กลุ่มธนาคาร กลุ่มพาณิชย์ กลุ่มการสื่อสาร และกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงที่อาจทำให้การคาดการณ์ข้างต้นต่างไปอย่างมีนัยสำคัญคือ การระบาดของโควิดในวงกว้างซึ่งอาจเกิดจากสายพันธุ์ใหม่ที่มีความรุนแรงและดื้อต่อวัคซีน อัตราเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาดการณ์มาก การขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางทั่วโลกที่เร็วและมากกว่าที่คาด ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ปรับเพิ่มขึ้น รวมถึงการชะลอตัวที่รุนแรงของเศรษฐกิจจีน

 

นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด(บลจ.ไทยพาณิชย์)มองว่าหุ้นไทยน่าจะฟื้นตัวได้ต่อในปี 2022 โดยมีความน่าสนใจเพราะตลาดหุ้นไทยยังตามหลังตลาดหุ้นอื่นพอสมควร ทาง SCBAM มองบวกการลงทุนหุ้นไทย 3 ธีมได้แก่ ธีมดอกเบี้ยขาขึ้น (ธนาคาร) ธีมเปิดเมือง (พลังงาน พาณิชย์ อาหาร และอสังหา) ธีมลงทุนระยะยาวแบบเมกะเทรนด์ที่ได้รับประโยชน์จาก digital transformation, EV, AI, หรือ  cloud เป็นต้น สำหรับปัจจัยเสี่ยงอย่างเงินเฟ้อและโอมิครอนน่าจะมีผลกระทบต่อการลงทุนจำกัด โดยเชื่อว่าเงินเฟ้อแม้จะอยู่ในระดับที่สูงขึ้นแต่ยังสามารถควบคุมได้ ขณะประชาชนทั่วโลกจะปรับตัวอยู่ร่วมกับโควิดได้ดีขึ้น นอกจากนี้มองว่าหุ้น small cap ไทยที่มีเรื่องราวเกี่ยวเนื่องกับการเติบโตบนเมกะเทรนด์ในระยะยาวน่าจะทำผลประกอบการได้ดีกว่าตลาดหุ้นโดยรวม

 

นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮาส์ จำกัด(บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮาส์)ให้ความเห็นว่าตลาดหุ้นไทยมีโอกาสทำผลตอบแทนได้ดีในช่วงครึ่งแรกของปี 2022 หลังจาก laggard(ราคาขึ้นช้ากว่า)ตลาดหุ้นโลกมายาวนาน โดยมองว่าการเติบโตในตลาดพัฒนาแล้วเริ่มชะลอลง แต่ทางฝั่งตลาดกำลังพัฒนาในเอเชีย(ไม่รวมจีน) คาดว่าน่าจะมีโมเมนตัมการฟื้นตัวที่ดีขึ้น หุ้นกลุ่ม small cap ของไทยที่มีความสัมพันธ์กับการฟื้นตัวเศรษฐกิจในประเทศสูงน่าจะทำผลตอบแทนได้ดี นอกจากนี้ บริษัทเหล่านี้ยังมีโอกาสปรับตัวได้เร็วในยุคที่เศรษฐกิจดิจิทัลกำลังเร่งตัว โดยมีโอกาสร่วมมือหรือได้รับเงินลงทุนจากบริษัทขนาดใหญ่ที่กำลังเจอข้อจำกัดของการเติบโต สำหรับมุมมองเงินเฟ้อเชื่อว่าอาจปรับเพิ่มสูงขึ้นได้แต่ว่ากลุ่ม small cap ไทยไม่ได้น่ารับผลกระทบมากนักเพราะถือว่าเป็นหุ้นที่มี duration สั้น

 

นอกจากนี้ นางสาวพรทิพย์ ทันตสุวรรณ หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจการลงทุนบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด(มหาชน)(บล.เกียรตินาคินภัทร) ยังให้ข้อมูลเพิ่มด้านกลยุทธ์การลงทุน โดยคาดการณ์ว่าสำหรับปี 2022 นี้ ตลาดหุ้นไทยจะปรับฐานในช่วงครึ่งปีแรกก่อนจะฟื้นตัวขึ้นในครึ่งปีหลัง เนื่องจากการฟื้นตัวที่อ่อนแอของเศรษฐกิจตามการฟื้นตัวที่ช้าของการท่องเที่ยว และมีปัจจัยลบจากการใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัวมากขึ้นของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในครึ่งปีแรก ดังนั้นการปรับลดลงของตลาดในช่วงครึ่งปีแรกจึงเป็นโอกาสเข้าซื้อ  

 

ความผันผวนของตลาดในครึ่งปีแรกน่าจะยังถูกกระทบจากการฟื้นตัวของผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่อ่อนแอ โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ดีในช่วงครึ่งปีหลัง การฟื้นตัวของผลประกอบการจะเร่งตัวขึ้น เราคาดว่ากำไรต่อหุ้น (EPS) จะไปอยู่ที่ 94 บาท/หุ้นในปี 2022ซึ่งคิดเป็นการเติบโต 15% จากปี 2021 โดยประมาณการ EPS ของเราอิงจากค่าเฉลี่ยของ 1) แนวโน้มผลประกอบการในระยะยาว2) การคาดการณ์กำไรของตลาด และ 3)ประมาณการกำไรของ บล.เกียรตินาคินภัทร

 

บล.เกียรตินาคินภัทร เห็นว่าหุ้นที่ควรลงทุนคือ กลุ่มธนาคาร, กลุ่มค้าปลีก, กลุ่มพลังงานและกลุ่มสื่อสาร ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ และไม่ได้รับผลกระทบมากนักในช่วงที่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยสูงขึ้น ตลอดจนกลุ่มท่องเที่ยวซึ่งจะเป็นกลยุทธ์การลงทุนหลักในช่วงครึ่งปีหลัง 

 

ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงที่น่าจับตามอง คือ การใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัวมากขึ้นของธนาคารกลางสหรัฐฯ จึงควรเลือกหุ้นเป็นบางตัวในกลุ่มอสังหาฯและกลุ่มการเงิน โดยหุ้น 10 บริษัทที่แนะนำสำหรับปี 2022 ได้แก่ ADVANC, BBL, BDMS, CPALL, IVL, LH, MINT, PTTEP, TOP และ TU

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง