รีเซต

แห่ซื้อกองทุนหุ้นโลก 6 หมื่นล้าน ONE-UGG-RA แชมป์ผลตอบแทนสูง

แห่ซื้อกองทุนหุ้นโลก 6 หมื่นล้าน ONE-UGG-RA แชมป์ผลตอบแทนสูง
TNN Wealth
4 ตุลาคม 2564 ( 17:03 )
90

กองทุนหุ้นโลกโดดเด่นนักลงทุนแห่ซื้อ 9 เดือนเม็ดเงินไหลเข้า 6 หมื่นล้านบาท ระบุกองทุนเปิด วรรณ อัลติเมท โกลบอล โกรว์ธ เจ๋งสร้างผลตอบแทนระยะยาวสูงสุดของอุตสาหกรรม

 

น.ส.ชญานี จึงมานนท์ นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า กองทุนหุ้นโลก(Global Equity) นับเป็นกลุ่มกองทุนที่มีการเติบโตโดดเด่นและมีเม็ดเงินไหลเข้าอย่างมาก โดยในเดือนกันยายนที่ผ่านมากลุ่มกองทุนหุ้นโลก มีเงินไหลเข้าที่เร่งตัวขึ้นกว่า 3 เดือนก่อนหน้า(มิ.ย.- ส.ค.)ทำให้เม็ดเงินไหลเข้าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 (ม.ค.-ก.ย.)มีมูลค่าเกินระดับ 6 หมื่นล้านบาทแล้ว

 

กองทุนกลุ่มนี้มีลักษณะสำคัญคือมีการกระจายการลงทุนไปทั่วโลกและหลายอุตสาหกรรม โดยผลตอบแทนเฉลี่ยยังถือว่าน่าพอใจสำหรับการลงทุนระยะยาว อย่างไรก็ดีแต่ละกองทุนอาจมีลักษณะเฉพาะ หรือ theme การลงทุนที่ต่างกัน เช่น ช่วงปี 2563 กองทุนที่ได้ผลตอบแทนสูงจะลงทุนเกี่ยวกับนวัตกรรมหรือการบริโภคที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตช่วงโควิด ในทางกลับกันบางกองทุนที่มีสัดส่วนที่มีนัยสำคัญในหุ้นจีน หรือหุ้นเทคโนโลยีของจีนอาจสร้างผลตอบแทนต่ำกว่ากองทุนอื่นในกลุ่มในปีนี้

 

"กลุ่มกองทุนหุ้นโลกมีเม็ดเงินไหลเข้า 8 เดือนแรกรวมราว 5.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งในช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคมมีทิศทางชะลอตัวกว่าช่วงแรกของปี แต่เดือนกันยายนกองทุนกลุ่มนี้มีเงินไหลเข้าที่เร่งตัวขึ้นกว่า 3 เดือนก่อนหน้า ทำให้เม็ดเงินไหลเข้าโดยรวมล่าสุดเกินระดับ 6 หมื่นล้านบาท"

 

สำหรับช่วงที่เหลือของปีนี้ยังมีแนวโน้มเม็ดเงินไหลเข้ากองทุนหุ้นโลกต่อเนื่อง ผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนกองทุนกลุ่มนี้ ควรศึกษารายละเอียดกองทุนก่อนการลงทุนทุกครั้ง เช่น นโยบายการลงทุน กองทุน master fund ควบคู่ไปกับการพิจารณาสัดส่วนพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมด้วย

 

จากข้อมูลของมอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ณ วันที่ 20 ก.ย.2564)พบว่ากองทุนหุ้นโลกที่ให้ผลตอบแทนระยะยาวโดดเด่นที่สุดเป็นกองทุนภายใต้การบริหารจัดการโดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการ(บลจ.)วรรณ จำกัด คือ กองทุนเปิด วรรณ อัลติเมท โกลบอล โกรว์ธ (ONE -UGG) ที่มีการจัดตั้งกองทุนมาแล้วเป็นระยะเวลา 5 ปี กองทุนนี้เน้นลงทุนในหุ้นสามัญในระยะยาวเป็นการลงทุนในหุ้นทั่วโลกที่มีโอกาสเติบโตโดดเด่นผ่านการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนแม่ Baillie Gifford Long Term Global Growth (LTGG) บริหารโดย บลจ.Baillie Gifford ซึ่งเป็นบลจ. ที่มีกองทุนรวมไทยในกลุ่มกองทุนหุ้นโลกไปลงทุนจำนวนมาก

 

หากพิจารณาที่ผลตอบแทนจะพบว่ากองทุนจาก Baillie Gifford สามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยในระดับสูงได้อย่างต่อเนื่อง เพราะเลือกลงทุนในหุ้นที่ได้รับความนิยม และเป็นเทรนด์ของโลก เช่น กองทุน LTGG ที่มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้น

โมเดอร์นา อิงค์ 5.6% ,อเมซอน ดอทคอม 5.5% ,lllumina 5.0% ,เทสลา อิงค์ 4.6% และอาลีบาบา 3.9%

 

โดยกองทุนเปิด วรรณ อัลติเมท โกลบอล โกรว์ธ (ONE -UGG) หน่วยลงทุนชนิดไม่จ่ายเงินปันผลสำหรับผู้ลงทุนทั่วไป(ONE -UGG- RA)สร้างผลตอบแทนระยะยาว 3 ปีในระดับ 29.16 % ต่อปี และสร้างผลตอบแทนระยะยาว 5 ปีในระดับ 26.23% ต่อปี สูงสุดเป็นอันดับ 1 ของกลุ่มกองทุนหุ้นโลกและ ของอุตสาหกรรมกองทุนรวมไทยด้วย

 

ส่วนกองทุนเปิดวรรณ อัลติเมท โกลบอล อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ (ONE-UGERMF-A)ให้ผลตอบแทนระยะยาว 3 ปี ที่ 23.03 % ต่อปี โดยกองทุนนี้มีเป้าหมายจัดพอร์ตการลงทุนเพื่อรองรับการเกษียณ ซึ่งกองทุนทั้ง 2 ชนิดได้รับคะแนนการจัดอันดับจากบริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) ในระดับ 5 ดาว

 

อย่างไรก็ตามหากพิจารณาเฉพาะผลตอบแทนเฉลี่ยสะสมตั้งแต่ต้นปี 2564 ถึงปัจจุบันของกลุ่มกองทุนหุ้นโลก หรือ Global Equity จะอยู่ที่ 11.1%(ข้อมูล ณ วันที่ 21 ก.ย. 2564)

 

นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ กล่าวว่า เมื่อพิจารณาการลงทุนในระยะกลาง-ยาว(3-5 ปี) การกระจายการลงทุนที่เพียงพอเป็นหัวใจสำคัญที่นักลงทุนควรยึดมั่น ปัจจัยสำคัญที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตในระยะกลาง-ยาว คือ พื้นฐานและคุณภาพของบริษัท โดยหุ้นเติบโตยังน่าสนใจสำหรับการลงทุนในระยะกลาง-ยาว จากแนวโน้มการเติบโตของรายได้และศักยภาพการแข่งขันที่อยู่ในระดับสูง

 

โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์การเติบโต(EPS growth)ของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในดัชนี S&P 500 ยังสามารถเติบโตได้โดดเด่นที่สุดประมาณ 25.3% ในปีนี้และ 24.1% ในปีหน้าจึงเป็นหนึ่งในหุ้นเพียงไม่กี่ประเภทที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตในระดับ 2 หลัก

 

อย่างไรก็ตาม ในปี 2565 เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มการเติบโตที่ชะลอลงและกลับสู่ภาวะปกติ โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF)คาดการณ์ว่าจะเติบโต ประมาณ 4% จากปีนี้ที่ 6% ซึ่งการลงทุนในโลกหลัง Covid-19 ในระยะยาวจะไม่ได้จำกัดอยู่ที่ภูมิภาค แต่จะเป็นการลงทุนที่ตอบรับกับการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้คนและรูปแบบการทำธุรกิจที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

 

ซึ่งมีแนวโน้มที่จะสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนให้โดดเด่นได้อย่างต่อเนื่องท่ามกลางภาพเศรษฐกิจที่ทยอยกลับสู่ภาวะปกติ มองว่าจะมาจาก 3 กลุ่มหลัก คือ 1.ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับเศรษฐกิจดิจิทัล(e-Conomy) เช่น อีคอมเมิร์ช , เดลิเวอรี่, ออนไลน์ ทราเวล 2. ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี (Digital TransitIon) เช่น อินเตอร์เน็ตออฟธิ้งส์ ,โรบอท และ 3.ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล(Sustainabillity)

 

ที่มา : บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช ,บลจ.วรรณ

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง