รีเซต

เทคนิคเลือกกล้องวงจรปิด เลือกแบบไหนให้เหมาะกับการใช้งาน

เทคนิคเลือกกล้องวงจรปิด เลือกแบบไหนให้เหมาะกับการใช้งาน
EntertainmentReport1
18 มิถุนายน 2568 ( 22:57 )
8

การเลือกกล้องวงจรปิด (CCTV) ไม่ใช่แค่ซื้อมาติดก็จบนะ! เพราะกล้องแต่ละแบบก็มีฟังก์ชันและจุดเด่นที่แตกต่างกันไป การเลือกให้ถูกกับการใช้งานของเราจะช่วยให้ได้ระบบที่คุ้มค่า ปลอดภัย และตรงกับความต้องการมากที่สุด วันนี้พวกเราทีมงาน TrueID จะมาเจาะลึกเทคนิคการเลือกกล้องวงจรปิด พร้อมแนะนำว่าแต่ละแบบเหมาะกับสถานการณ์ไหนบ้าง

 

 

1. ประเภทของกล้องวงจรปิด: เลือกตามการเชื่อมต่อ

กล้องวงจรปิดหลักๆ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ตามวิธีการส่งสัญญาณและบันทึกภาพ ตามนี้เลย

1.1 กล้องวงจรปิดระบบอนาล็อก (Analog Camera)

  • การทำงาน: ส่งสัญญาณภาพแบบอนาล็อกผ่านสาย Coaxial (สาย RG6) ไปยังเครื่องบันทึก DVR (Digital Video Recorder) เพื่อแปลงเป็นสัญญาณดิจิทัลและบันทึก
  • ข้อดี:
    • ราคาถูก: เหมาะสำหรับคนงบจำกัด หรือต้องการติดจำนวนเยอะๆ
    • ติดตั้งง่าย: ไม่ซับซ้อน ช่างทั่วไปก็ติดตั้งได้
    • สัญญาณเสถียร: ส่งสัญญาณผ่านสายโดยตรง ทำให้สัญญาณไม่ค่อยมีปัญหาหลุดหรือกระตุก
  • ข้อเสีย:
    • ความละเอียดจำกัด: ส่วนใหญ่ความละเอียดสูงสุดอยู่ที่ Full HD (1080P) หรือ 5MP ซึ่งอาจไม่คมชัดเท่าระบบ IP
    • สายเยอะ: ต้องเดินสาย Coaxial และสายไฟแยกต่างหาก ทำให้ดูยุ่งเหยิง ยุ่งยากสำหรับบุคคลทั่วไป
    • ฟังก์ชันจำกัด: ไม่มีฟังก์ชันอัจฉริยะ (AI) เหมือนกล้อง IP
  • เหมาะกับการใช้งาน:
    • บ้านพักอาศัยทั่วไป: ที่เน้นบันทึกภาพเพื่อดูเหตุการณ์ย้อนหลัง ไม่ได้ต้องการความคมชัดสูงมาก
    • ร้านค้าขนาดเล็ก: ที่ต้องการติดกล้องพื้นฐานเพื่อสอดส่องทั่วไป
    • งบประมาณจำกัด: เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเมื่อมีงบน้อย

 

 

1.2 กล้องวงจรปิดระบบ IP (IP Camera / Network Camera)

  • การทำงาน: ส่งสัญญาณภาพแบบดิจิทัลผ่านสาย LAN (Ethernet Cable) หรือ Wi-Fi ไปยังเครื่องบันทึก NVR (Network Video Recorder) หรือบันทึกลง SD Card โดยตรง
  • ข้อดี:
    • ความละเอียดสูง: เริ่มต้นที่ Full HD ไปจนถึง 4K, 8K หรือมากกว่า ให้ภาพที่คมชัด เก็บรายละเอียดได้ดี
    • ฟังก์ชันอัจฉริยะ (AI): มีฟีเจอร์ล้ำๆ เช่น ตรวจจับความเคลื่อนไหว, ตรวจจับบุคคล/ยานพาหนะ, นับจำนวนคน, จดจำใบหน้า, ตรวจจับเสียงผิดปกติ และแจ้งเตือนผ่านมือถือได้ทันที
    • ติดตั้งยืดหยุ่น: บางรุ่นรองรับ PoE (Power over Ethernet) ส่งทั้งไฟและข้อมูลในสาย LAN เส้นเดียว ทำให้เดินสายง่ายขึ้น หรือบางรุ่นเป็น Wireless (Wi-Fi) ติดตั้งง่ายกว่าเดิม ไม่ต้องเดินสายเยอะ
    • ดูออนไลน์ง่าย: เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้โดยตรง ทำให้ดูภาพจากมือถือหรือคอมพิวเตอร์ได้ทุกที่ทุกเวลา
  • ข้อเสีย:
    • ราคาสูงกว่า: แพงกว่ากล้องอนาล็อก โดยเฉพาะรุ่นที่มีฟังก์ชัน AI เยอะๆ
    • ต้องมีความรู้ด้านเครือข่าย: การตั้งค่าและแก้ปัญหาอาจซับซ้อนกว่า
    • อาจมีปัญหาเรื่องความเสถียรของสัญญาณ: หากระบบเครือข่ายไม่ดี หรือ Wi-Fi ไม่แรงพอ อาจทำให้ภาพกระตุกหรือหลุดได้
  • เหมาะกับการใช้งาน:
    • บ้านพักอาศัยยุคใหม่: ที่ต้องการความคมชัดสูง ฟังก์ชัน AI แจ้งเตือน หรือดูภาพออนไลน์ได้ง่าย
    • ธุรกิจขนาดใหญ่/ออฟฟิศ/โรงงาน: ที่ต้องการระบบที่ทันสมัย เก็บรายละเอียดได้ดี และมีฟังก์ชันวิเคราะห์ข้อมูล (เช่น การนับจำนวนคนเข้าออก)
    • ผู้ที่ต้องการความปลอดภัยสูง: ต้องการการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ และภาพหลักฐานที่คมชัด

 

 

2. คุณสมบัติของกล้องที่ควรพิจารณา

ไม่ว่าจะเป็นกล้องอนาล็อกหรือ IP ก็ควรดูคุณสมบัติเหล่านี้เพิ่มเติม เพื่อให้ตรงกับการใช้งานให้มากที่สุด ตามนี้จ้า

  • ความละเอียดของภาพ (Resolution):
    • Full HD (1080P): มาตรฐานทั่วไป พอใช้สำหรับการดูเหตุการณ์
    • 2K (1440P) / 4MP: คมชัดขึ้น เริ่มเก็บรายละเอียดได้ดีขึ้น
    • 4K (2160P) / 8MP ขึ้นไป: คมชัดสูงมาก เหมาะกับการเก็บรายละเอียดใบหน้า ป้ายทะเบียนรถ หรือพื้นที่กว้างๆ
  • การมองเห็นในเวลากลางคืน (Night Vision):
    • Infrared (IR): กล้องส่วนใหญ่มีอินฟราเรด มองเห็นภาพขาวดำในที่มืดสนิท
    • Starlight/ColorVu/Full-Color: เทคโนโลยีที่ช่วยให้มองเห็นภาพสีในเวลากลางคืนได้ดีขึ้น แม้ในที่แสงน้อย (แต่ต้องมีแสงสว่างรอบๆ เล็กน้อย) เหมาะกับจุดที่ต้องการรายละเอียดสีสัน
  • มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น (IP Rating):
    • IP66: ป้องกันฝุ่นได้สมบูรณ์ และกันน้ำฉีดได้ทุกทิศทาง เหมาะสำหรับติดตั้งภายนอกอาคาร
    • IP67/IP68: ป้องกันได้ดียิ่งขึ้น กันน้ำได้นานขึ้น (กันน้ำท่วมขัง)
  • มุมมองภาพ (Field of View / Lens):
    • เลนส์ Fixed: มุมมองภาพคงที่ (เช่น 90-110 องศา)
    • เลนส์ Vari-focal: ปรับมุมมองภาพได้ (ซูมเข้า/ออกด้วยมือ)
    • เลนส์ Motorized-zoom: ปรับมุมมองภาพและซูมผ่านแอปพลิเคชันได้ (สะดวกกว่า)
    • กล้อง PTZ (Pan/Tilt/Zoom): หมุนกล้องได้ 360 องศา ก้มเงยได้ และซูมได้หลายเท่า เหมาะสำหรับพื้นที่กว้างๆ ที่ต้องการสอดส่องหลายจุด
  • ระบบเสียง (Audio):
    • ไมโครโฟนในตัว: บันทึกเสียงรอบข้างได้
    • ลำโพงในตัว: สามารถพูดโต้ตอบกับคนที่อยู่หน้ากล้องได้ (Two-way audio) เหมาะสำหรับกล้องที่ติดในบ้าน คุยกับคนที่บ้าน (บางคนใช้คุยกับสัตว์เลี้ยงที่บ้านด้วยนะ) หรือไว้สื่อสารกับพนักงานส่งของ เป็นต้น

 

 

3. ฟังก์ชันพิเศษ (เน้น AI และความสะดวก)

  • ตรวจจับความเคลื่อนไหว (Motion Detection): แจ้งเตือนเมื่อมีคนหรือวัตถุเคลื่อนไหวผ่านหน้ากล้อง
  • ตรวจจับบุคคล/ยานพาหนะ (Human/Vehicle Detection): AI แยกแยะได้ว่าสิ่งที่เคลื่อนไหวคือคนหรือรถ ลดการแจ้งเตือนผิดพลาดจากสัตว์หรือใบไม้
  • การแจ้งเตือน (Notifications): ส่งการแจ้งเตือนเข้ามือถือทันทีเมื่อเกิดเหตุการณ์ผิดปกติ
  • บันทึกลงคลาวด์ (Cloud Storage): เก็บข้อมูลบนเซิร์ฟเวอร์ออนไลน์ ปลอดภัย แม้กล้องจะถูกทำลายหรือถูกขโมย (อาจมีค่าบริการรายเดือน)
  • บันทึกลง SD Card: กล้องบางรุ่นรองรับการบันทึกลง SD Card โดยตรง ไม่ต้องมีเครื่องบันทึก เหมาะสำหรับกล้องตัวเดียว หรือจุดที่ไม่ต้องการบันทึกตลอดเวลา
  • รองรับการเชื่อมต่อกับ Smart Home: บางรุ่นสามารถเชื่อมต่อกับระบบบ้านอัจฉริยะ เช่น Google Home, Amazon Alexa ได้ เป็นต้น

 

 

สรุป: เลือกแบบไหนดี?

  • ต้องการประหยัดงบ เน้นพื้นฐาน: เลือก กล้องอนาล็อก (Analog Camera) ความละเอียด Full HD
  • ต้องการความคมชัดสูง ฟังก์ชันฉลาดๆ แจ้งเตือนเรียลไทม์ และสะดวกในการดูออนไลน์: เลือก กล้อง IP Camera ความละเอียด 2K - 4K ขึ้นไป (ถ้ามีงบจัดฟังก์ชัน AI ไปเลย)
  • ติดตั้งภายนอกอาคาร: ต้องมี IP Rating สูงๆ (IP66 ขึ้นไป) เพื่อกันน้ำกันฝุ่นจากสภาพแวดล้อม
  • ต้องการภาพสีในตอนกลางคืน: มองหากล้องที่มีเทคโนโลยี Starlight/ColorVu/Full-Color
  • อยากดูภาพรวมพื้นที่กว้างๆ ได้หมด: พิจารณา กล้อง PTZ

ก่อนตัดสินใจซื้อ ลองสำรวจพื้นที่ที่จะติดตั้ง ดูว่ามีแสงสว่างเพียงพอไหม ต้องการซ่อนกล้องหรือโชว์ ตำแหน่งที่ติดตั้งสามารถเดินสายได้สะดวกแค่ไหน และที่สำคัญคือ งบประมาณ ของเราด้วยนั่นเองจ้า

Photo Credit : AI Generated

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง