รีเซต

แฮร์รี-เมแกนเอ่ยปากช่วย แผนแบนโฆษณาในเฟซบุ๊ก ปมเฮตสปีช

แฮร์รี-เมแกนเอ่ยปากช่วย แผนแบนโฆษณาในเฟซบุ๊ก ปมเฮตสปีช
ข่าวสด
2 กรกฎาคม 2563 ( 04:36 )
225

 

แฮร์รี-เมแกนเอ่ยปากช่วย แผนแบนโฆษณาในเฟซบุ๊ก ปมเฮตสปีช

แฮร์รี-เมแกนเอ่ยปากช่วย - เดลีเมล์ รายงานว่า เจ้าชายแฮร์รีและดัชเชสเมแกน ผู้ทรงถอนตัวจากการเป็นสมาชิกราชวงศ์ชั้นสูงของอังกฤษและย้ายไปประทับที่สหรัฐอเมริกา ทรงสอบถามกลุ่มรณรงค์ “Stop hate for profit” หรือ "หยุดสร้างความเกลียดชังเพื่อผลกำไร" ว่ามีบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกใดอีกที่เป็นเป้าหมายชักชวนให้ร่วมระงับการลงโฆษณาในสื่อต่างๆ ของเฟซบุ๊ก โซเชียลมีเดียเบอร์หนึ่งของโลก จนกว่าเฟซบุ๊กจะหยุดการเผยแพร่ถ้อยคำที่แสดงความเกลียดชัง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : บอยคอตเฟซบุ๊ก บิ๊กแบรนด์รวมตัวคว่ำบาตร ล้มเหลวหยุดยั้งเกลียดชัง

จิม สเตเยอร์ ผู้จัดโครงการรณรงค์แบนการโฆษณาในเฟซบุ๊ก กล่าวว่าดยุกและดัชเชสแห่งซัสเส็กซ์ทรงสอบถามว่าแบรนด์ใดที่ทั้ง 2 พระองค์จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายได้ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะทรงทำอะไรต่อไป

Britain's Prince Harry, Duke of Sussex, (L) and Meghan, Duchess of Sussex arrive to attend the annual Commonwealth Service at Westminster Abbey in London on March 09, 2020. (Photo by Tolga AKMEN / AFP)

สเตเยอร์ ประธานบริหารองค์กรการกุศลคอมมอน เซนซ์ มีเดีย และผู้บรรยายว่าด้วยเสรีภาพพลเมืองที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด กล่าวว่าเจ้าชายแฮร์รีและพระชายาทรงติดต่อผู้จัดโครงการเป็นการส่วนพระองค์และทรงสอบถามว่าจะมีส่วนร่วมได้อย่างไรบ้าง ซึ่งทำให้ตนปลื้มปิติอย่างยิ่ง

นอกจากสองพระองค์ทรงเป็นคู่ที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติและทรงมีพระปณิธานที่จะเป็นส่วนหนึ่งของโครงการแล้ว ยังทรงคิดถึงพระโอรสด้วย

ด้านกลุ่มพิทักษ์สิทธิพลเมือง รวมทั้ง สมาคมเพื่อความก้าวหน้าของคนผิวสี เป็นผู้อยู่เบื้องหลังโครงการ "หยุดสร้างความเกลียดชังเพื่อผลกำไร" เรียกร้องให้บริษัทต่างๆ ถอนโฆษณาเดือน .. บนเว็บไซต์เฟซบุ๊กและอินสตาแกรม ซึ่งเป็นบริษัทลูก เพื่อผลักดันให้เฟซบุ๊กหยุดจ่ายค่าโฆษณาในแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ในเครือเฟซบุ๊ก

FILE - In this April 18, 2017, fi . (AP Photo/Noah Berger, File)

การเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้หุ้นเฟซบุ๊กร่วงลงทันที 56,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.7 ล้านบาท หลังจากบริษัทนับ 100 แห่งถอนโฆษณาจากสื่อออนไลน์ของเฟซบุ๊ก รวมทั้ง ยูนิลิเวอร์และโคคา-โคลา ซึ่งผู้ลงโฆษณารายใหญ่ที่สุด และยังมีอีกหลายบริษัทดังที่ร่วมเคลื่อนไหวด้วยได้แก่โดฟ” “ฮอนดาและเบน แอนด์ เจอร์รี

ด้านโคคา-โคลา ประกาศระงับการจ่ายค่าโฆษณาทั้งหมดในสื่อสังคมออนไลน์ทั่วโลกอย่างน้อย 30 วัน เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าไม่มีพื้นที่ให้ความเกลียดชังเชื้อชาติ รวมทั้ง ไม่มีที่ทางให้แสดงความเกลียดชังเชื้อชาติในสื่อออนไลน์เช่นกัน

อ่านข่าว : โคคา-โคลา หยุดโฆษณาทางโซเชียลมีเดีย 30 วัน ขีดเส้นล้าง "เฮตสปีช"

(FILES) This file photo taken on January 19, 2016 . (Photo by PATRICK KOVARIK / AFP)

ขณะที่ยูนิลิเวอร์ ผู้ลงโฆษณารายใหญ่ที่สุดในโลกบริษทหนึ่ง กล่าวว่าจะหยุดจ่ายค่าโฆษณาแก่เฟซบุ๊กตลอดปีนี้

ด้านมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอเฟซบุ๊กให้คำมั่นสัญญาว่าจะจัดการกับถ้อยคำสร้างความเกลียดชังและติดคำเตือนแล้ว รวมทั้ง ประกาศนโยบายด้านเนื้อหาในแพลตฟอร์มต่างๆ ซึ่งครอบคลุมถึงการเพิ่มความเข้มงวดกับกฎเกณฑ์การโฆษณาและติดประกาศโพสต์ต่างๆ ที่เป็นอันตรายต่อสาธารณะ

FILE - In this April 11, 2018, file photo, Facebook CEO Mark Zuckerberg (AP Photo/Andrew Harnik, File)

เจ้าชายแฮร์รีและดัชเชสเมแกนลดบทบาทราชวงศ์ชั้นสูงและทรงย้ายมาพำนักในอเมริกาเหนือแล้ว ดัชเชสเมแกนทรงสนับสนุนการรณรงค์ชีวิตคนดำก็มีค่าหรือ Black Lives Matter ทำให้หลายฝ่ายสังเกตว่าอาจเป็นการปูทางสู่เส้นทางการเมืองของดัชเชส

คลิปวิดีโอที่เมแกนพูดถึงการเสียชีวิตของนายจอร์จ ฟลอยด์ ยังพูดถึงโรงเรียนมัธยมอิมมาคูเลต ฮาร์ต รวมทั้ง บรีออนนา เทเลอร์ และ ฟิลันโด คาสไทล์ รวมทั้ง ทามิร์ ไรซ์ ทั้งหมดเป็นคนผิวดำที่เสียชีวิตจากความเกลียดชังเชื้อชาติ ซึ่งเมแกนร่วมเรียกร้องความยุติธรรม และว่าการไม่พูดอะไรเลยเป็นส่งที่ผิด

https://www.youtube.com/watch?v=sL6mvL4DCRA

 

ส่วน เลดี โคลิน แคมป์เบลล์ ผู้เขียนเกี่ยวกับราชวงศ์ตั้งข้อสังเกตว่าการเคลื่อนไหวของดัชเชสเมแกนในสหรัฐ อาจเป็นแผนการนำไปสู่แวดวงการเมือง หลังจากดัชเชสตั้งใจว่าจะเปิดตัวมูลนิธิอาร์ชีเวลล์องค์กรการกุศลไม่แสวงหาผลกำไรในนครลอสแองเจลิสในฤดูใบไม้ผลิ แต่ต้องเลื่อนแผนออกไปเพราะโควิด-19 และกระแสต่อต้านการเหยียดสีผิวจากความตายของจอร์จ ฟลอยด์

////////

ข่าวที่เกี่ยวข้อง