แฮร์รี-เมแกนเอ่ยปากช่วย แผนแบนโฆษณาในเฟซบุ๊ก ปมเฮตสปีช
แฮร์รี-เมแกนเอ่ยปากช่วย แผนแบนโฆษณาในเฟซบุ๊ก ปมเฮตสปีช
แฮร์รี-เมแกนเอ่ยปากช่วย - เดลีเมล์ รายงานว่า เจ้าชายแฮร์รีและดัชเชสเมแกน ผู้ทรงถอนตัวจากการเป็นสมาชิกราชวงศ์ชั้นสูงของอังกฤษและย้ายไปประทับที่สหรัฐอเมริกา ทรงสอบถามกลุ่มรณรงค์ “Stop hate for profit” หรือ "หยุดสร้างความเกลียดชังเพื่อผลกำไร" ว่ามีบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกใดอีกที่เป็นเป้าหมายชักชวนให้ร่วมระงับการลงโฆษณาในสื่อต่างๆ ของเฟซบุ๊ก โซเชียลมีเดียเบอร์หนึ่งของโลก จนกว่าเฟซบุ๊กจะหยุดการเผยแพร่ถ้อยคำที่แสดงความเกลียดชัง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : บอยคอตเฟซบุ๊ก บิ๊กแบรนด์รวมตัวคว่ำบาตร ล้มเหลวหยุดยั้งเกลียดชัง
จิม สเตเยอร์ ผู้จัดโครงการรณรงค์แบนการโฆษณาในเฟซบุ๊ก กล่าวว่าดยุกและดัชเชสแห่งซัสเส็กซ์ทรงสอบถามว่าแบรนด์ใดที่ทั้ง 2 พระองค์จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายได้ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะทรงทำอะไรต่อไป
สเตเยอร์ ประธานบริหารองค์กรการกุศลคอมมอน เซนซ์ มีเดีย และผู้บรรยายว่าด้วยเสรีภาพพลเมืองที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด กล่าวว่าเจ้าชายแฮร์รีและพระชายาทรงติดต่อผู้จัดโครงการเป็นการส่วนพระองค์และทรงสอบถามว่าจะมีส่วนร่วมได้อย่างไรบ้าง ซึ่งทำให้ตนปลื้มปิติอย่างยิ่ง
นอกจากสองพระองค์ทรงเป็นคู่ที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติและทรงมีพระปณิธานที่จะเป็นส่วนหนึ่งของโครงการแล้ว ยังทรงคิดถึงพระโอรสด้วย
ด้านกลุ่มพิทักษ์สิทธิพลเมือง รวมทั้ง สมาคมเพื่อความก้าวหน้าของคนผิวสี เป็นผู้อยู่เบื้องหลังโครงการ "หยุดสร้างความเกลียดชังเพื่อผลกำไร" เรียกร้องให้บริษัทต่างๆ ถอนโฆษณาเดือน ก.ค. บนเว็บไซต์เฟซบุ๊กและอินสตาแกรม ซึ่งเป็นบริษัทลูก เพื่อผลักดันให้เฟซบุ๊กหยุดจ่ายค่าโฆษณาในแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ในเครือเฟซบุ๊ก
การเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้หุ้นเฟซบุ๊กร่วงลงทันที 56,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.7 ล้านบาท หลังจากบริษัทนับ 100 แห่งถอนโฆษณาจากสื่อออนไลน์ของเฟซบุ๊ก รวมทั้ง ยูนิลิเวอร์และโคคา-โคลา ซึ่งผู้ลงโฆษณารายใหญ่ที่สุด และยังมีอีกหลายบริษัทดังที่ร่วมเคลื่อนไหวด้วยได้แก่ “โดฟ” “ฮอนดา” และ “เบน แอนด์ เจอร์รี”
ด้านโคคา-โคลา ประกาศระงับการจ่ายค่าโฆษณาทั้งหมดในสื่อสังคมออนไลน์ทั่วโลกอย่างน้อย 30 วัน เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าไม่มีพื้นที่ให้ความเกลียดชังเชื้อชาติ รวมทั้ง ไม่มีที่ทางให้แสดงความเกลียดชังเชื้อชาติในสื่อออนไลน์เช่นกัน
อ่านข่าว : โคคา-โคลา หยุดโฆษณาทางโซเชียลมีเดีย 30 วัน ขีดเส้นล้าง "เฮตสปีช"
ขณะที่ยูนิลิเวอร์ ผู้ลงโฆษณารายใหญ่ที่สุดในโลกบริษทหนึ่ง กล่าวว่าจะหยุดจ่ายค่าโฆษณาแก่เฟซบุ๊กตลอดปีนี้
ด้านมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอเฟซบุ๊กให้คำมั่นสัญญาว่าจะจัดการกับถ้อยคำสร้างความเกลียดชังและติดคำเตือนแล้ว รวมทั้ง ประกาศนโยบายด้านเนื้อหาในแพลตฟอร์มต่างๆ ซึ่งครอบคลุมถึงการเพิ่มความเข้มงวดกับกฎเกณฑ์การโฆษณาและติดประกาศโพสต์ต่างๆ ที่เป็น “อันตราย” ต่อสาธารณะ
เจ้าชายแฮร์รีและดัชเชสเมแกนลดบทบาทราชวงศ์ชั้นสูงและทรงย้ายมาพำนักในอเมริกาเหนือแล้ว ดัชเชสเมแกนทรงสนับสนุนการรณรงค์ “ชีวิตคนดำก็มีค่า” หรือ Black Lives Matter ทำให้หลายฝ่ายสังเกตว่าอาจเป็นการปูทางสู่เส้นทางการเมืองของดัชเชส
คลิปวิดีโอที่เมแกนพูดถึงการเสียชีวิตของนายจอร์จ ฟลอยด์ ยังพูดถึงโรงเรียนมัธยมอิมมาคูเลต ฮาร์ต รวมทั้ง บรีออนนา เทเลอร์ และ ฟิลันโด คาสไทล์ รวมทั้ง ทามิร์ ไรซ์ ทั้งหมดเป็นคนผิวดำที่เสียชีวิตจากความเกลียดชังเชื้อชาติ ซึ่งเมแกนร่วมเรียกร้องความยุติธรรม และว่าการไม่พูดอะไรเลยเป็นส่งที่ผิด
https://www.youtube.com/watch?v=sL6mvL4DCRA
ส่วน เลดี โคลิน แคมป์เบลล์ ผู้เขียนเกี่ยวกับราชวงศ์ตั้งข้อสังเกตว่าการเคลื่อนไหวของดัชเชสเมแกนในสหรัฐ อาจเป็นแผนการนำไปสู่แวดวงการเมือง หลังจากดัชเชสตั้งใจว่าจะเปิดตัวมูลนิธิ “อาร์ชีเวลล์” องค์กรการกุศลไม่แสวงหาผลกำไรในนครลอสแองเจลิสในฤดูใบไม้ผลิ แต่ต้องเลื่อนแผนออกไปเพราะโควิด-19 และกระแสต่อต้านการเหยียดสีผิวจากความตายของจอร์จ ฟลอยด์
////////